วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2566

สารรักที่ 7

    ทาเคชินั่งมองพระจันทร์ยามเที่ยงคืนจากริมหน้าต่าง


    มือหนึ่งยกขึ้นมาเท้าคาง หยาดน้ำค้างคู่สวยสงบนิ่ง เหมือนกำลังจมลึกในความคิด


    เขากลับมาจากบ้านมาซากิตั้งแต่ช่วงสามทุ่ม แม้สีหน้าเสียดายกับน้ำเสียงบอกลาหงอย ๆ ของคนดวงตาใส จะชวนใจอ่อนยวบแค่ไหน แต่ยังไงการปกปิดตัว คนจริง ๆ เอาไว้ก็ต้องมาก่อน หากความลับถูกเปิดเผย บางทีความรักที่เจ้าเหมียวโปโปะเคยได้รับอาจแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละขั้ว เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อน-


    ทาเคชิสะบัดหัว ขับไล่ความคิดด้านลบออกไป ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว


    พอตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องคิด ใบหน้าเล็กของเด็กสาวก็พลันแล่นเข้ามา


    "จริง ๆ ก็เป็นคนน่ารักมากเลยนี่นา"


    พิมพัมกับตัวเองพร้อมยกยิ้ม ก็มาซากิ ฮารุโกะที่เขาได้เห็นน่ะ เป็นคนที่อ่อนโยน ใจดี แล้วก็ขี้เหงาตั้งขนาดนั้นเลยนี่นา แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนลูกแมวตัวเล็กอย่างนั้นแหละ เวลาที่ดีใจแบบนั้นก็ทําเอาอดเอ็นดูไม่ได้


    -พลันนึกถึงใบหน้าเล็กเปื้อนยิ้ม รอยยิ้มเล็ก ๆ น่ารัก น่ารักเสียจนนึกเสียดาย ที่ไม่ค่อยจะได้ เห็นมันจากเจ้าตัวสักเท่าไหร่


    ถ้ายิ้มได้บ่อย ๆ ก็คงดี


    ยกขาสองข้างขึ้นมานั่งกอดเข่าบนเก้าอี้ เหม่อมองคืนที่เงียบสงัดผ่านหน้าต่างใส รู้สึกเหงา ขึ้นมานิดหน่อย ทาเคชิจำไม่ได้แล้วว่าบ้านที่ตัวเองเคยอาศัยตอนเด็กนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ที่จำได้ก็มีเพียงความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวตอนที่ถูกส่งออกมา


    แม้ทางเทคนิคเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่อยู่กับคุณตาผู้เป็นญาติห่าง ๆ ฝั่งแม่ คุณตาใจดี คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเขาในทุกเรื่อง มีเพื่อนพ้องอีกหลายคนที่พร้อมจะยืนอยู่ด้วย


    ทว่าในใจกลับเวิ้งว้าง ราวไม่มีใครสักคนที่หันมองไปเห็น ไม่มีใครสักคนที่จะให้แบ่งปันความเจ็บปวด


    จะมีก็เพียงแต่กำแพงอิฐล้อมรอบ กําแพงสูงที่ บางที...เขาคงก่อมันขึ้นมาเอง


    ไม่รู้สิ ทาเคชิไม่คิดว่าตัวเองเหมาะจะมีเพื่อนสักเท่าไร เขาไม่กล้าจะเข้าไปเป็นเพื่อนกับใครก่อน ไม่คิดว่าตัวเองทีเป็นตัวประหลาดแบบนี้จะมีสิทธิ์เป็นเพื่อนกับใครเขาด้วยซ้ำ


    ก็เพื่อนทุกคนที่เคยมี พอรู้ความจริงเข้าก็— 


    พอแล้ว ไม่อยากคิด


    ทาเคชิถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระต่ายที่จะเฉาตายยามเหงาอย่างไรอย่างนั้น เด็กหนุ่มรู้ดีว่าความเหงาน่ะเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีแค่ฮารุโกะที่เหงา- เขาก็เหงา ยังไงเสียความเหงาเป็นอารมณ์ ความรู้สึกปกติทั่วไปของมนุษย์อยู่แล้ว


    แต่เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง ก็เลยเข้าใจว่าความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวที่เด็กสาวต้องเผชิญมันเป็นเช่นไร ราวกับเห็นเงาสะท้อนของตัวเองบนไหล่เล็กทีโดดเดี่ยวนั่น เลยอยากจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง จะในฐานะเจ้าเหมียวโปโปะ หรือ คุโระ ทาเคชิ หากช่วยให้อีกคนยิ้มออกมาได้จากเบื้องลึกของหัวใจ เขาก็คงยินดี


    อยากจะช่วยให้ยิ้มออก อยากจะเป็นเพื่อนด้วย


    เพราะเหตุผลประหลาด ๆ และความรู้สึกแสนย้อนแย้งในตัวเอง ทาเคชิไม่เคยเข้าหาใครก่อน เพื่อน ๆ ทุกคนที่มีตอนนี้ล้วนแต่เป็นฝ่ายเริ่มหยิบยื่นไมตรีมาให้


    นี่จึงจะเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เขาจะเข้าหาและเป็นเพื่อนกับใครก่อน รวมทั้งอยากจะสารภาพความในใจ


    "ตอนที่ไปขอโทษ คุณมาซากิ..จะยิ้มหรือเปล่านะ?"





    ทั้ง ๆ ที่ตัดสินใจว่าจะไปขอโทษอีกคนด้วยแล้ว


    พอถึงเวลาจริงมันกลับไม่ง่ายเลย


    "คุณมาซากิ ตอนนี้ก็คงอยู่ในห้องเรียนแล้ว"


    พิมพัมเสียงแผ่วแล้วพ่นลมหายใจออกมา สองขา หยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง มือชะงักนิ่ง ไม่กล้าจะเปิดมันเข้าไป ทาเคชิรู้สาเหตุดี เป็นเพราะความรู้สึกประหม่าที่เกิดขึ้นมาในอกแน่แท้ ก็นะ สําหรับเขาแล้ว จนถึงเมื่อวานนี้ คุณมาซากิก็คือคนที่เขาไม่อยากเผชิญหน้าด้วยนี่นา...


    ถึงจะได้รู้ว่าจริง ๆ จะไม่ใช่คนน่ากลัวอะไรก็เถอะ แต่ให้มาเปลี่ยนในวันสองวันอะไรแบบนั้น มันก็ไม่ใช่จะง่ายเหมือนพลิกหน้ากระดาษเสียหน่อย


    "อ๊ะ ทาเคชิคุงอรุณสวัสดิ์"


    แล้วเสียงใสของเด็กสาวเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นจากด้านหลัง หยุดความคิดฟุ้งซ่านในหัวเด็กหนุ่มจอมคิดมาก ไหล่ของอิชิคุสะดุ้งน้อย ๆ ด้วยความตกใจ จนสมองประมวลผลได้ว่าคนเรียกไม่ใช่ใครอื่น ก็หันไปทักทาย อีกคนพร้อมรอยยิ้ม


     “คุณคานาเอะ อรุณสวัสดิ์ครับ"


    "ไม่เข้าไปเหรอ? "


    ริโกะพยักหน้าพร้อมเอียงคอถามคนที่ยืนนิ่ง อยู่หน้าห้องตั้งนานสองนาน ทาเคชิอึกอักเล็กน้อย 


    เพราะกังวลก็เลยคิดฟุ้งซานไปเรื่อย..


    แต่ยังไงเขาก็อดกังวลและประหม่าไม่ได้จริง ๆ


    คงเพราะไม่รู้จะหาตัวอย่างไร และไม่รู้ว่าอีกคน จะตอบรับกลับมาเช่นไร


    ความกังวลถึงได้ล้นเอ่อขนาดนี้


    ทาเคชิเดาไม่ออก


    ตลอดมา ระหว่างเขากับเด็กสาว มันมีระยะห่างระหว่างกันอยู่เป็นระยะที่ไกล- และทาเคชิก็เคยพึงพอใจกับระยะห่างนั่น เขาเคยคิดว่าคุณมาซากิเองก็คงเป็นเช่นเดียวกัน จนกระทั่งได้รับรู้เรื่องราว ได้สัมผัสความเหงา ความเศร้า ความโดดเดี่ยวที่อีกคนแบกไว้บนบ่า 


    จึงได้รู้ว่าแท้จริง มาซากิ ฮารุโกะ ก็แค่เด็กสาว มัธยมปลายขี้เหงาคนนึง


    ทั้งที เหงาขนาดนั้น แต่ก็เว้นระยะห่างจากทุก คน ไม่สนิทกับเพื่อนร่วมห้องคนใหนนอกจากไดจิ มิหนำซ้ำยังแผ่รังสีไม่ต้องมายุ่งออกมาจนคนอื่นขวัญกระเจิงหมดอีกต่างหาก...


    พอรู้แบบนั้น ก็ชวนให้นึกถึงลูกแมวขี้เหงาแต่ไม่ ค่อยคุ้นชินกับคนขิ้นมาเลยละ


    คิดแล้วก็น่าตลกดีจัง ทั้งที่คนที่กลายร่างเป็นแมวได้คือเขาแท้ ๆ


    แต่ตนไปรู้สึกว่าคนอื่นเหมือนแมวชะได้


    ทาเคชิหลุดหัวเราะออกมาน้อย ๆ กับความคิดในหัวจนมิวายเพื่อนสนิทข้างตนเป็นต้องสงสัย

 

    “มีอะไรหรือเปล่า อิชิคุง?"


    "อ้ะ เปล่าครับ เข้าไปกันเถอะ”


    คนผมดำร้องตอบก่อนส่งยิ้ม มือจับบานประตู หมายมั่นจะเปิด


    ถ้าครั้งนี้—


    ถ้าครั้งนี้เขาตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้อีกสักหน่อย......


    ลูกแมวตัวนั้นจะมีปฏิกิริยายังไงกันนะ


    อ้าว?


    ไม่อยู่แฮะ?


    ดวงตาหยาดน้ำค้างกวาดมองไปทั่วห้องเรียนหมายจะหาเด็กสาวดวงตาใส แต่ก็ไว้ซึ่งวี่แววของคนตัวเล็ก เด็กหนุ่มได้แต่ก้าวขาเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง แบบงุนงง


    แขวนกระเป๋านักเรียนกับโต๊ะ ความสงสัยป่นกับ ความกังวลแล่นขึ้นมา


    เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?


    สงสัยแบบนั้น โดยปกติเวลานี้ ฮารุโกะมักจะมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแล้ว แถมนี่เองก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วด้วย

 

    หรือว่าจะป่วย?


    “ไดจิคุง วันนี้คุณมาซากิไม่มาเหรอ?"


    ไม่รอช้าลุกเดินไปถามไดจิ เพื่อนร่วมห้องตัวสูงผู้เป็นทั้งหัวหน้าห้องและเพื่อนสนิทของฮารุโกะ ไดจิหันมองมาตามเสียงเรียก ดันแว่นเล็กน้อยให้กระชับกับกรอบหน้าก่อนเอ่ยตอบ


    “อ๋อ มาซากิคุงมาแล้วน่ะ แล้วก็ออกไปไหนไม่รู้"


    "เห็นบอกว่ามีธุระ จะรีบกลับมาก่อนโฮมรูมน่ะ”


    "ตอนออกไปก็ รีบร้อนพอตัวเลยละนะ"


    ทาเคชิพยักหน้าน้อย ๆ ตอบรับพร้อมกล่าวคำ ขอบคุณ หยาดน้ำค้างคู่สวยหันมองไปที่ประตูอีกครั้ง ว่างเปล่า จากนั้นก็ถอนหายใจ-


    ดูเหมือนเรื่องที่อยากจะคุย คงต้องเลื่อนออกไป ก่อนเสียแล้ว





    คุณมาซากิกลับมาตอนที่คาบโฮมรูมเริ่มพอดิบ พอดี


    ทาเคชิไม่มีโอกาสแม้แต่จะลุกไปหาเด็กสาวตัวเล็ก ระหว่างคาบเองก็ไม่มีจังหวะเหมาะ ๆ พอจะให้เข้าไปคุยกับอีกคน แต่พอถึงช่วงพักกลางวัน หันหลังกลับไป เด็กสาวก็ดันไม่อยู่แล้วซะอย่างนั้น


    พอคราวอยากเจอ จับตัวยากยังกับหายตัวได้เลยนะ


    คนตัวสูงได้บ่นงุบงิบอยู่ในใจขณะที่สองเท้ายังคง กึ่งเดินกึ่งวิ่ง หยาดน้ำค้างคู่สวยมองไปทั่วหมายจะหาเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล เขากำลังเดินตามหา มาซากิ ฮารุโกะ คนนั้นอยู่นั่นละ


    จะรีบไปไหนของเธอกันนะ?


    อะ นั่นไง เจอตัวแล้ว


    ชะลอฝีเท้าเมื่อสายตาปะทะเข้ากับเด็กสาวที่กำลังตามหา มองอีกคนทรุดตัวลงนั่งที่หน้ากล่องระ เกะระกะบริเวณมุมอาคารเรียน ได้แต่นึกสงสัยในใจว่า อะไรคือสาเหตุที่ทําให้มาซากิ ฮารุโกะต้องรีบลุกออกจากห้องเรียนมาถึงขนาดนั้น


    “เท่านี้ก็กินได้แล้วละ...”


    ได้ยินเสียงนุ่มดังบอกพร้อมวางถ้วยใส่นมลงเบื้อง หน้าตน ทาเคชิขมวดคิ้ว พอลองจ้องเข้าไปที่เบื้องหน้าคนตัวเล็กนั่น ก็เห็นลูกแมวสีขาวนั่งอยู่ในกล่องกระดาษที่เพียงพอจะให้เป็นรังเล็ก ๆ สำหรับเจ้าเหมียวตัวน้อยได้


    เห็นแบบนั้น เด็กหนุ่มผมดำก็หลุดยิ้มออกมานิดหน่อย


    เหตุผลที่รีบร้อนออกมาจากห้องเรียนขนาดนั้น


    คือลูกแมวนี่เอง


    "ไม่กินเหรอ?"


    "หรือว่าลูกแมวจะไม่ชอบกินนม"


    คนตัวเล็กบ่นพึมพัม ดวงตาสีใสมองนมสีขุ่นใน ถ้วยสลับกับลูกแมว ก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นพร้อมร่างสูง ทรุดลงนั่งข้างกาย


    “เปล่าหรอกครับ”


    “เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้กำลังกลัวน่ะ"


    ทาเคชิเอ่ยขณะย่อตัวลงนั่งกอดเข่าที่ข้าง ๆ คนตัวสูง แววตาสีสวยสบสายตากับฮารุโกะครู่หนึ่ง แล้วหันไปหาแมวน้อยตัวสีขาวพร้อมรอยยิ้ม


    “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ”


    "เธอคนนี้ไม่ทำอะไรเธอหรอก”


    บอกแบบนั้นด้วยเสียงทุ้มนุ่นอ่อนโยน คนผมดำรู้ว่าถ้าเป็นเขาพูดล่ะก็ เจ้าเหมียวตัวน้อยคงจะเข้าใจและคลายความกลัวลง และก็อย่างที่คาด ลูกแมวสีขาวค่อย ๆ ก้าวออกมาจากลังกระดาษ ก้มลงกินนมจืดที่ฮารุโกะเทเอาไว้ให้


    "นายคุยกับแมว?"


    ฮารุโกะถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทาเคชิสะดุ้งเฮือก


    "อ๊ะ เอ๊ะ เอ่อ ผม...”


    แย่ละสิ


    ลืมตัวไปเลย...


    ถ้าความไม่แตกก็ถูกมองว่าเป็นคนประหลาดแหง


    "แค่พูดไปเรื่อยน่ะครับ"


    ว่าจบก็หัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน ดวงตาสีสวย หลุบมองต่ำ แอบเหลือบสังเกตคนข้างกายด้วยแววระแวดระวัง


    ไม่ได้ ความจะแตกไม่ได้ จะโดนมองว่าประหลาด ก็ได้ แต่ความจะแตกไม่ได้


    "นั่นสินะ”


    "จริงๆ ฉันสามารถสื่อสารกับสัตว์วิเศษได้น่ะ แต่กับสัตว์ทั่วไปแบบนี้ ฉันกับสื่อสารไม่ได้ซะงั้น"


    คนตัวเล็กตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนเธอจะยิ้มออกมา น้ำเสียงนุ่มเย็นเฉกเช่นมันเป็นเรื่องปกติ ขณะที่มือเรียวยกลูบหัวลูกแมวตัวเล็กตรงหน้าอย่างแผ่วเบา


    "เอ๊ะ? "


    "กับแมวที่บ้าน ฉันก็สื่อสารไม่ค่อยได้น่ะ แต่เหมือนมันจะเข้าใจฉันมากกว่านะ"


    "อ้อ...เอ๋!?"


    ทาเคชิส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจนิดหน่อย ใครจะไปคิดว่าเธอจะบอกความสามารถพิเศษตัวเองตรงๆ แบบนี้ 


    ทาเคชิผ่อนลมหายใจออกด้วยความโล่งอก ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้มองว่ามันแปลกหรือประหลาด ความกังวลที่โผล่ขึ้นในหัวของเด็กหนุ่มจอมคิดมากจึงถูกชะล้างไป


    "เอ่อ...คุณมาซากิ บอกผมแบบนี้จะไม่เป็นอะไรหรอครับ"


    "ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่า ฉันสามารถบอกเรื่องนี้กับนายได้"


    แล้วก็เงียบ... ความเงียบชวนอึดอัดโรยตัวลงมา ปกคลุม ไร้ซึ่งเสียงใดระหว่างเขาสองคน ทาเคชิอึกอักลังเลที่จะเอ่ยปากพูดออกไป หยาดน้ำค้างคู่สวยชำเลืองมองใบหน้าเล็กของอีกคน -ใบหน้าเรียบนิ่งยากจะคาดเดาความคิด


    รู้สึกว่าทุกคำที่จะเปล่งเสียงนั่นหนักเหลือเกิน อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะมาคุยกับคุณมาซากิให้รู้เรื่อง แต่พอถึงเวลาจริงกลับลังเล...


    ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนข้างกายไม่ได้น่ากลัวหรือมี พิษมีภัยอะไรอย่างที่เคยคิดเลยสักนิด


    ทั้งที่รู้แบบนั้นแท้ ๆ แต่ทำไม.


    ไม่สิ


    ไอ้ที่ว่ารู้ว่าแท้จริงคุณมาซากิเป็นคนยังไง มันคือ ตอนที่เธอคนนี้อยู่กับโปโปะ


    แต่กับคุโระ ทาเคชินั่นมันก็อีกเรื่อง


    แม้จะรู้ว่าอีกคนไม่ได้มีเจตนาร้ายและหมายจะผูกมิตรด้วย แต่มันก็ยังอึดอัด...และลังเลที่จะพูด


    บางทีอาจเพราะทาเคชิกำลังกลัว


    ที่ผ่านมาเขามักจะเว้นระยะห่างกับทุกคนรอบตัว เสมอ ไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะกลัวว่าหากมันใกล้เกินไป ใกล้พอที่เขาอยากจะรักษาและยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์เหล่านั้นไว้ ถ้าคนเหล่านั้นเกิดรู้ความจริงของเขาเข้าก็จะรังเกียจ จะกลัว และจะเปลี่ยนไป


    ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประสบพบ ได้ในหนึ่งชั่วชีวิตของมนุษย์ บางทีมันก็เหมือนสายลม โชยอ่อน พัดผ่านมาทักทายและหายจากไป แต่บางครา มันก็เหมือนพายุโหมกระหน่ำ รุนแรง สาดซัด เมื่อเคลื่อนจากไปก็ทิ้งเอาไว้ซึ่งบาดแผล และทาเคชิกลัวความเปลี่ยนแปลงที่เหมือนกับพายุนั่น


    หากคุณมาซากิเกิดได้รู้ความลับและความจริง ของเขาล่ะ?


    ความจริงที่ว่าเขาเป็นครึ่งคนกลายเป็นแมวได้... แถมยังเป็นแมวที่ตัวเองเก็บไปเลี้ยง


    จะกลัวหรือเปล่า?


    จะรังเกียจหรือเปล่า?


    จะทอดทิ้งเขาไว้หรือเปล่า?


    ถ้าได้เป็นเพื่อนกัน เขาจะต้องเสียเพื่อนไปหรือเปล่า?


    เรื่องแบบนั้น ทาเคชิกลัวมันไปทุกส่วนของหัวใจ


     เพราะเคยสูญเสียมาแล้ว จึงไม่อยากจะสูญเสียไปอีก


    ไม่ได้รับแต่แรกเลยยังจะดีกว่า


    “คุโระคุง”


    เด็กสาวตัวเล็กเอ่ยเรียกหลังจากรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยคำขอโทษกับอีกคน ดวงตาสีใส หันไปข้างกายที่รับรู้ว่ามีอีกคนอยู่ แต่เมื่อมองไปก็พบเพียงความว่างเปล่า


    ทาเคชิไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว





    ทาเคชิถอนหายใจ


    ทั้งที่รวบรวมความกล้าไปจนนั่งข้าง ๆ อีกคนได้ แต่สุดท้ายก็วิ่งหนีออกมาก่อนจะได้คุยกันให้รู้เรื่อง


    เพราะความกลัวในวินาทีสุดท้าย 


    จู่ ๆ ก็เกิดกลัวขึ้นมาซะอย่างนั้น ไร้สาระสุด ๆ เลยเนอะ


    ทั้งที่ตั้งใจแล้วแท้ ๆ เลยนะว่าอยากจะขอโทษแล้ว -เป็นเพื่อนกัน


    แต่ก็- นั่นละ เป็นความรู้สึกที่แสนย้อนแย้ง อยากจะเป็นเพื่อนด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์จะได้รับหรือหยิบยื่นไมตรีไปให้ใคร


    ไม่เข้าใจเลยสักนิด


    "น่าสมเพชจริง ๆ คุโระ ทาเคชิ”


    พึมพัมงุบงับท่ามกลางห้องเรียนเวลาพักกลางวัน ปฏิเสธมื้อกลางวันกับคุณคานาเอะไปเพราะตั้งใจจะไปตามหาและขอโทษฮารุโกะ แต่สุดท้ายก็จบลงที่วิ่งหนีออกมาซะอย่างนั้น


    "โธ่เอ๊ย น่าหงุดหงิดชะมัด"


    ว่าแบบนั้นแล้วก็จะเอาหัวโขกกับโต๊ะแข็ง แต่สัมผัสที่ได้กลับไม่ใช่ความรู้สึกเจ็บเพราะหัวกระแทก แต่เป็นสัมผัสของมือที่มารองหัวเอาไว้ไม่ให้โดนโต๊ะ


    ทาเคชิเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของมือแบบงง ๆ


    “ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บหรอก”


    เสียงที่คุ้นเคยดังบอก ดวงตาสีฟ้าสวยเบิกกว้าง เมื่อคนตรงหน้าคือผู้ที่เขาวิ่งหนีมา –มาซากิ ฮารุโกะ


    "ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม? *


    ฮารุโกะถามแบบนั้น ทาเคชิพยักหน้าหงิกหงัก ก้มหน้างุดเพราะความอาย ก็โดนเห็นตอนทำตัวแปลก ๆ ชะได้นี่นา


    พอเห็นท่าทางตอบรับจากอีกคน เด็กสาวตัวเล็กก็ลากเก้าอี้มานั่งที่ฝังตรงข้ายโต๊ะของทาเคชิ


    ทาเคชิอีกอัก เขาทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไร ฮารุโกะนั่งนิ่ง ส่วนเขาก็เหลือบมองอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะ ๆ


    ในหัวเริ่มอยากจะวิ่งหนีอีกสักรอบแล้วสิ


    “นี่ คุโระคุง”


    จนเป็นฮารุโกะที่เอ่ยปากทําลายความเงียบก่อน เจ้าของชื่อตอบรับทันควันเหมือนปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ คนตัวเล็กหันมาด้วยสีหน้าซึม ๆ พร้อมดวงตาเขียวขจีใสสบเข้ากับดวงตาหยาดน้ำค้างของเยา


    "ขอโทษนะ"


    คําขอโทษเสียงอ่อยดังจากริมฝีปากของเด็กสาว แววตาเรียบนิ่งทว่าซื่อตรงเจาะลึก เข้ามาในใจ ทาเคชิชะงักงัน ทำเพียงแค่จ้องใบหน้าได้รูป นั่นแล้วรับฟังนิ่ง ๆ เท่านั้น ทั้งความคิด ความกังวล ความกลัว ทุกอย่างที่เคยฟุ้งกระจายอยู่ในหัวบัดนี้ กลับสงบลงไปราวถูกสะกด จนคนตัวสูงนักประหลาดใจ


    "ทั้งเรื่องที่ทำให้นายอึดอัด เรื่องลากนายไปคุยด้วยทั้งทีนายไม่สบายใจ"


    “ทุกเรื่องเลย ขอโทษนะ"


    ทาเคชิไม่ได้เปล่งเสียงใดตอบรับ เพียงแต่ฟังเด็กสาวตรงหน้าเอ่ยอยู่เงียบ ๆ


    "จริง ๆ แล้ว อืม..."


    "ฉันไม่ได้ไม่ชอบหรือเกลียดคุโระคุงหรอก"


    คนพูดอึกอัก เสียงเงียบลงไปราวกำลังควานหาคําพูดที่อยากจะเอื้อนเอ่ย


    "อยากเป็นเพื่อนด้วยน่ะ"


    เอ่ยออกมาแบบนั้นแล้วดวงตาสีใสที่สบกันอยู่ก็หลบต่ำลงไป ทาเคชิสังเกตเห็นมือข้างนึงของฮารุโกะ ฝ่ามือที่กำเข้าหากันแน่น ท่าทางนั่นราวกับกำลังระงับความประหม่าและความกังวลนะ


    แล้วทาเคชิก็ได้เข้าใจ


    ไม่ใช่เขาคนเดียวที่กังวลและวิตกกับเรื่องแบบนี้


    คุณมาซากิเองก็กำลังรู้อีกกังวลไม่ต่างกัน


    “แต่ที่ผ่านมาคงทำให้เข้าใจผิดไปไกลเลยสินะ"


    “ถ้านายจะรู้สึกเกลียดฉันล่ะ ฉันก็เข้าใจ..."


    "จากนี้ก็ต่างคงต่างอยู่แบบที่คุโระคุงบอกนั่นละ ดีที่สุด"


    “ฉันคงไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกับใครหรอก"


    สัมผัสได้ถึงความเศร้าที่เจืออยู่ในน้ำเสียง เจ้าของเรือนผมดำลนลานกับท่าทีเหมือนกับแมวหงอยเช่นนั้น ลองได้เห็นอีกคนทำหน้าแบบนี้แล้ว ใครมันจะใจร้าย เกลียดได้ลงกันเล่า


    ถึงไม่ได้คิดจะเกลียดอะไรอีกคนอยู่แล้วก็เถอะ


    แต่ท่าทีแมวหงอยชวนใจอ่อนแบบนั้นมันขี้โกง ชะมัดเลย!


    “ไม่เลยครับ มะ ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ”


    “ตอนนั้นผมเข้าใจผิดนี่นา ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณมาซากิเลยนะ"


    "โทษนะที่พูดจาแบบนั่นใส่ ตอนที่ดาดฟ้า"


    "ขอโทษนะ ที่บอกไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกับใครนั่น อย่าคิดแบบนั้นเลย"


    ทาเคชิตอบกลับ ก่อนจะหลบสายตาลงอย่างรู้สึกผิด กระนั้นก็ยังแอบชำเลืองมองคนเบื้องหน้าด้วย อยากจะรู้ท่าตอบกลับของฮารุโกะ สิ่งที่พบคืออีกคนเองก็กำลังทําหน้าไม่ต่างกันจากเขา


    "ไม่หรอก ฉันผิดเองทั้งหมดนั่นละ คุโระคุงอย่าขอโทษเลย"


    ฮารุโกะพูดตอบกลับมาด้วยความรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน ในหัวพลันย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเพื่อนร่วมห้องตัวสูงคนนี้ แต่พออีกคนได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นมาพรวดพราด พร้อมสีหน้าไม่พอใจ


    "ไม่ใช่สักหน่อย ผมก็ผิดเหมือนกัน อย่าโทษตัวเองคนเดียวสิครับ”


    "ทั้งเข้าใจเธอผิด แถมยังพูดจาไม่ดีใส่ จะบอกว่าผมไม่ผิดได้ยังไง"


    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันต่างหากที่ผิด


    "ลากนายขึ้นไปทั้งทีนายไม่สบายใจจะคุยด้วย นายจะโมโหไล่ก็ไม่แปลกนี้ ดูยังไงก็ฉันก็ผิดเต็ม ๆ"


    คนผมดำบอกพร้อมทำหน้ามุ่ย ส่วนฮารุโกะก็ปฏิเสธสหน้าซึม ไม่ว่าจะนึกยังไง เรื่องในวันนั้นก็เป็นความผิดของเธอเต็มประตู


    "คุณมาซากิไม่ต้องพูดเลยนะครับ! ไม่ต้องทําหน้าเศร้าเลยด้วยนะ! ผมเองก็ผิด"


    แต่ทาเคชิไม่ยอม- คิ้วสองข้างขมวดเป็นปมใหญ่ แถมใบหน้าเด็กหนุ่มก็ดูไม่ลดละสุด ๆ ราวกับจะย้ำว่าตนก็ผิดเช่นกันกับเขาให้ได้


    ดวงตาสีสวยจ้องเขม็งจนฮารุโกะรู้สึกทำตัวไม่ถูก เหมือนกับถ้าเขาไม่ยอมรับว่าอีกคนก็ผิด เจ้าตัวก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้อย่างนั้นละ ซึ่งฮารุโกะไม่เข้าใจเลย


    ไม่เห็นต้องมารู้อีกผิดด้วยเลยนี่นา จะกล่าวโทษเธอต่อก็ได้ที่ทำตัวแบบนั้นใส่ ไม่มีใครมาว่าหรอก


    "อ๊ะ.."


    "อะ.."


    จนเสียงอุทานสองเสียงดังขึ้นเบา ๆ เมื่อเด็กสาวรู้ว่าตัวเองกำลังทําอะไร ขณะที่ดวงตาสองคู่กำลังสานประสบ ชั่ววินาทีนั้นมีเพียงความเงียบ และพวกเขาเพียงสองคนเท่านั่น


    "อุ๊บ ฮะ ๆ  ฮ่า ๆ !"


    แล้วก็เป็นทาเคชิที่หลุดหัวเราะออกมาก่อน การเถียงเริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ฮารุโกะมองเพื่อนร่วมห้องผมดำที่ขำจนน้ำตาเล็ด


    “กลายเป็นว่า ทั้งเธอทั้งผม ดันมาเกี่ยงกันยอมรับผิดชะอย่างนั้น"


    “พอได้พูดออกไปจนหมด ก็ทำเอาซะที่กังวลก่อน หน้านี้กลายเป็นเรื่องคิดมากไปเลยน้า..."


    ทาเคชิบ่นพลางปล่อยยิ้มอย่างสบายใจ มือยกเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาเบา ๆ ราวเรื่องที่ปั่นป่วนอยู่ในหัวถูกปลดปล่อยออกไปจนหมดกับเสียงหัวเราะเมื่อครู่


    ไม่รู้ว่าเป็นการมองโลกในแง่ดีหรือไร แต่ทาเคชิสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใหม่ในอก


    หัวใจที่เต้นตึกตัก เลือดสูบฉีด กับกรามที่ปวดหน่อย ๆ เพราะการเถียงชวนหัวร่อนั่น


    ความรู้สึกนั้นร้องบอกจากด้านในลึก ๆ ว่าไม่เป็น ไร


    แม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะต้องประสบกับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงในสักวัน ขั้นเลวร้ายที่สุดก็กลายเป็นแบบที่เขาหวาดกลัว แต่นั่นก็ไม่เป็นไร


    บางทีมันอาจเป็นเพียงแค่ความคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขาก็อยากจะสนุกกับช่วงเวลานี้


    ในตอนนี้ทาเคชิรู้เพียงแค่ว่าเขาอยากจะใช้เวลาสนุกสนานไปกับฮารุโกะอีกเท่านั้น และบอกความในใจนั้นออกไป


    เพราะแบบนั้นเรื่องที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าน่ะ ช่างมันเถอะ


    "ขำอะไรของนายน่ะ...."


    ฮารุโกะถามขึ้นมองคนตัวสูงฝั่งตรงข้ามที่กำลังหัวเราะร่า ได้ยินแบบนั้นทาเคชิก็ร้องขึ้นมาเสียงหลง


    "หา? เดี๋ยวสิ พูดแบบนั้นแต่คุณมาซากิก็ยิ้มอยู่ ไม่ใช่หรือไงครับ!"


    "เหรอ ฉันยิ้มเหรอ? ".


    "ใช่สิ เธอยิ้มชัด ๆ เลยนะ!"


    "ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย"


    พอได้ยินคำทวนถามเหมือนไม่รู้ตัวนั่นแถมยังเอ่ยด้วยรอยยิ้มขัดกับคําพูดอีก คนผมดำมุ่ยหน้าจนคิ้วย่น นี่มันแกล้งไม่รู้ชัด ๆ เลยเถอะครับ! ทำมาเป็นคีพคูลไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องเมื่อครู่ ทั้งที่ตัวเองก็ยิ้มออกมาเห็น ๆ


    แล้วทาเคชินึกขึ้นมาได้


    หรือจะกลัวเสียฟอร์มนะ


    แบบคุณมาซากิในเวลาปกติน่ะ มักจะให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกเสมอ ๆ เย็นเฉียบจนรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งเพียงแค่เผลอไปสบตา ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักในหมู่สังคมของนักเรียน ก็ถึงขั้นทีวันไวท์เดย์ ตู้รองเท้าแน่นเอี๊ยดเพราะช็อกโกแลตถูกใส่เต็มตู้ขนาดนั้นเลยละ เรียกง่าย ๆ ก็เป็นสาวฮอตพอตัว ทาเคชิรู้ด้วยว่าอีกคนมีฉายาอีกอย่างเจ้าหญิงน้ำแข็งอะไรทำนองนั้น


    กลัวจะเสียฟอร์ม ก็เลยต้องคูลเอาไว้สินะ


    เข้าใจละ โธ่เอ๊ย น่ารักจริง ๆ


    “นี่ไง! ตอนนี้ก็ยังไม่หุบยิ้มเลย ถ้าเธอไม่เชื่อล่ะก็ ผมจะถ่ายรูปให้ดูเลย"


    ทาเคชิบอกเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมจ้องใบหน้าเล็กประดับยิ้มอ่อนโยนนั่น จนกระทั่งรู้ตัวว่าดวงตาเขียวขจีคู่นั้นกำลังจับจ้องมา


    “คุโระคุง ไม่กลัวฉันแล้วงั้นเหรอ? "


    เอ่ยถามด้วยความสงสัยหลังเห็นท่าทีที่ดูผ่อนคลายต่างจากตอนแรกของอีกคน ทาเคชิหันมองคนถาม ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะฉีกยิ้ม


    “อื้อ จะว่าไปก็ไม่กลัวแล้วละ"


    “แบบว่า จริง ๆ แล้ว...เธอไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผม คิดนี่นา"


    "เป็นคนน่ารักสะมากกว่าด้วย"


    คนโดนชมมีใบหน้าแดงระเรื่อน้อย ๆ นั้นทำให้ทาเคชิรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ก่อนจะละลักละลำหาคำอธิบาย


    “เอ่อ ผม- ผมหมายถึง- ...แบบมันน่ารักในแบบปกติน่ะครับ เอ่อคือ- ก็น่ารักนั่นแหละครับ อ้าก ผมพูดอะไรเนี่ย!"


    "อุ๊บ- "


    เสียงร้องหลุดหัวเราะที่ดังออกมาจากคนตัวเล็กยิ่งทำให้ทาเคชิอยากเอาหน้ามุดดิน นี้เผลอทำตัวซื่อบื้ออีกแล้ว 


    "จะพูดออกมาตรง ๆ ก็ได้นี่นา ไม่ต้องพยายามแก้หรอก ฉันก็แค่- ไม่ค่อยโดนคนอื่นชม นอกจากพ่อกับพี่สาวพี่ชายฉันน่ะ ฉันก็เลยเขินนิดหน่อย"


    บอกพร้อมกับหลบสายตาของทาเคชิ ท่าทางแบบนั้น ยิ่งทำให้เด็กสาวตรงหน้าน่ารักเข้าไปอีก


    ไม่น่าเชื่อ ว่าเราจะได้เห็นคุณมาซากิ ในมุมน่ารักแบบนี้ 


    น่ารักเป็นบ้าเลย


    "เอ่อ...ครับ อืม..."


    บรรยายกาศความประหม่ากลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้แย่เหมือนก่อนหน้า แค่ต่างคนต่างเขิน จนไม่กล้าคุยหรือสบตากัน


    "เอ่อ... แล้วก็... อ่า"


    เด็กสาวอัมอึ้งเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมือนไม่กล้าพูดออก


    "คุณมาซา-"


    "ช่วยเรียกฉันว่า ฮารุโกะ! -ทีนะ..."


    เสียงที่ดังสวนกลับมา ก่อนที่จะเบาลง เหมือนไม่มั่นใจในคำพูด น่ารักจัง


    "ครับ.."


    "เอ่อ ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไร"


    "แน่ใจนะครับ ฮารุโกะจัง"


    ในตอนนี้ฮารุโกะสัมผัสได้ว่า หน้าตัวเองคงเหมือนมะเขื่อเทศแน่ ๆ 


    อะไรกัน คุโระคุงแบบบนี้ เหมือนไม่ใช่คุโระคุงที่รู้จักเลย ฮารุโกะรู้สึกเขินเกินจะมองหน้าทาเคชิตรง ๆ จึงฟุบหน้าตัวเองลงกับโต๊ะ


    "อะไรไปครับ ฮารุโกะจัง งั้นฮารุโกะจังก็เรียนผมว่า ทาเคชิคุงนะครับ"


    ทาเคชิที่เห็นฮารุโกะเขินอาย ก็รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา จึงเอามือเท้ากับโต๊ะ แล้วบอกให้เธอก็เรียกชื่อตนเหมือนกัน ฮารุโกะเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะส่งเสียงตอบ


    "ทาเคชิคุงขี้โกง"


    บอกด้วยน้ำเสียงติดงอแง  แล้ววันนี้ทาเคชิก็ได้รู้เรื่องฮารุโกะอีกอย่างนึงคือ ความขี้อายของฮารุโกะ เขาเองก็ยังแปลกใจที่อีกคนก็มีด้านนี้กับเขา 


    เฮ้อ จริง ๆ สินะ มันจะมีใครที่ตกหลุมรักคนเดิมซ้ำ ๆ ได้อีกไหม


    ยิ่งรู้จักก็ยิ่งชอบมากกว่าเดิม เขาน่าจะเป็นเอามากเลยนะ แต่คนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็นั่งอยู่ตรงหน้านี้ไง ทาเคชินึกถึงเรื่องฮารุโกะในหัว พลัน-


    นึกถึงภาพฉากการเจอกันวันแรกระหว่างเขา (ตอนเป็นแมว) กับฮารุโกะจังก็ไหลย้อนเข้ามาในหัวเหมือนกรอกเทป ทาเคชิสะบัดหัวหมายจะไล่เหตุการณ์ ปั่นป่วนชวนน่าอายนั่นออกไป แค่นึกขึ้นมาว่าตัวเอง ตอนเป็นแมวโดนจับอาบน้ำก็รู้สึกอายสุด ๆ แล้ว ถึงนั่น จะเป็นตอนเป็นแมวก็เถอะ!!


    "จะว่าไป เจ้าเหมียวนี่มาจากไหนกันครับ??"


    “เจ้าเหมียวตอนนั้น”


    ถามขึ้นมาบ้างระหว่างจ้องมองคนตัวเล็ก หมายถึงลูกแมวที่เขาเจอพร้อมกับฉารุโกะที่มุมอาคารเรียน ฮารุโกะลุกนั่งตรงมองคนถามนิดหน่อยแล้วตอบ


    “เจอระหว่างทางมาโรงเรียนน่ะ"


    "นอนขดอยู่ในกล่องข้าง ๆ ถังขยะ คงจะโดน ทิ้ง...."


    “ปล่อยไว้ก็น่าสงสาร เลยพามาโรงเรียนด้วย"


    เล่าด้วยเสียงและใบหน้านิ่งเรียบ แต่ทาเคชิสัมผัสได้ถึงความโกรธนิต ๆ จากในน้ำเสียงนั่น


    “ทิ้งลูกแมวตัวเล็กแบบนี้นี่นะ..."


    “เป็นเจ้าของ ใจร้ายจัง”


    เด็กหนุ่มผมดำว่า แต่มันก็น่าโกรธจริง ๆ นั่นละนะ ยังไงการทิ้งลูกแมวที่เป็นความรับผิดชอบของเจ้า มันก็ผิดเห็น ๆ เลยนี่นา


สารส่งถึง

เถียงเฟี้ยวตัดอากาศดัง

พร้อมลูกธนูที่ปักเข้ากลางเป้า

มือลดคันศรลง ดวงตาสีฟ้าและเทาจ้องมองผล งานของตัวเองด้วยสีหน้าพึงพอใจ

ผ่านมาแล้ว 3 ปีนับตั้งแต่ที่อิชิ-ย้ายกลับไปบ้าน

โชโตะตัดสินใจเข้า กษาต่อในมหาวิทยาลัยและ เอาดีทางด้านคิวโต หากตอนนี้จะเรียกเป็นมือวางอัน ลับ 1 ของคณะคิวโตในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้โอเวอร์เกิน ไปเลย

ชายผมสีต่างไถสั้นในชุดอากามะสียาวเดินละตัว ออกมาจากสนามฝึก เก็บคันธนูให้เข้า

ได้ยินเสียงริงโทนมือถือของตัวเอง พอหยิบขึ้นมา ดูก็พบว่าเป็นสายโทรเข้าจากพี่สาว

พี่ฟุยุมิ”

รับสายแล้วเอื้อนเอ่ย และได้ยินเสียงตอบกลับ จากปลายสายมาทันที

(“อะ โซโตะ”)

(วันนี้จะกลับมากินข้าวด้วยกันใช่ไหม ทีบ้าน เราน่ะ พี่โทรมาเตือน เผื่อจะลืม)

ฟุยุมิเอ่ยบอกผู้เป็นน้องชายถึงนัดรับประทาน อาหารของครอบครัวที่บ้านโทโดโรกิ

อืม ผมไม่ล้ม เดี๋ยวจะไปช่วงเย็น ๆ นะ"

“ตอนนี้ผมอยู่ที่ชมรม เดี๋ยวอีกสักพักก็กลับแล้ว”

“...อื้อ จะให้ซื้ออะไรบ้าง พิมพ์เอาไว้ในแชทก็ได้

ลูกชายคนเล็กตอบกลับผู้เป็นพี่ ใช้ใหล่ช่วยดันมือ ดือแนบหู พลางถอดถุงมือ-อุปกรณ์สําหรับดิวโด ฟังพี สาวพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อย

“ไว้เจอกัน”

เล้วก็บอกลาและวางสาย ชายผมสีต่างเก็บมือถือ ของตัวเองเข้าในกระเป๋า ก่อนหมายมันจะจัดการสะสาง หน้า ในชมรมต่อ

ค่อย ๆ เรียงเก็บคันธนูที่ถูกใช้ให้เป็นระเบียบ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าที่

นึกคิดว่าชีวิตตัวเองตอนนี้นั่นมีความสุข

แม้จะยังไม่ได้ลงรอยกันพอดี และแม้มันอาจจะช้า ไปบ้าง แต่เอ็นจิก็ปรับปรุงตัวและแสดงให้เห็นว่าเขา อยากจะขอโทษลูก ๆ จริง ๆ กลายเป็นว่าลูกทั้ง 4 คน ของบ้านโทโดโรกิ ไม่ได้มีใครเดินทางตามสายการเมือง ของตระกูลต่อเลยสักคน

คน ดีใจที่สุดกับเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นฟุยุมิ หลัง จากแต่งงานกับเทนเซย์มาได้ 3 ปี ชีวิตก็ดูหวาน น เหมือนเดิม ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเรื่องดี โชโจะดีใจที่เห็นพี่ ลาวมีความสุข

นัตสึโอะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ส่วนโทยะ -พี่ชายคนโตสุดก็ยังเหมือนเดิม ชอบยีหัวและหยอก เยาทุกครั้งทีได้เจอหน้า

โชโตะโก ดว่าชีวิตตัวเองตอนนี้นั้นมีความสุขดี ไม่มีอะไรขาดหาย จนรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีเหลือเกิน จะมีก็แต่เรื่องเดียวที่เขายังเฝ้ารอ

“โทโดโรกิคุง

เสียงเพื่อนร่วมชมรมดังขึ้นมาแทบจะพร้อมกับ เสียงครืดของบานประตู ดวงตาสีต่างมองตาม เอียงคอ น้อย ๆ เป็นทีถามว่ามีอะไร

“มีคนมาหาน่ะ"

และค่าตอบก็ทําเอาชายผมสีต่างมุ่นคิ้ว

“ครกัน?

ถามต่ออย่างสงสัย แต่คนมาบอกข่าวก็ส่ายหน้า

“ฉันไม่รู้จักนะ เหมือนบอกว่าจะรออยู่แถว ๆ สวน หน้าชมรม"

“ไปเจอเถอะ เดี๋ยวเรื่องเก็บของพวกนี้เดี๋ยวฉันจัด การเอง

และเพราะแบบนั้น ชายผมสีต่างในชุดฮากามะจึง ได้มาอยู่ ณ สวนในมหาวิทยาลัย ไม่ไกลจากชมรมคิว โต

นัยน์ตา ต่างกวาดมองไปทั่ว หมายจะมองหาคน ทีว่า ใบไม้สีเขียวชะอุ่มยองฤดูร้อนโยกไหวเบา ๆ กลับ สายลม โชยพัดมา โซโตะหรี่ตาเมื่อยังไม่เห็นใครในที่นี้ สักคน

จนได้ยินเสียงแว่ว

“….อยู่นิ่ง ๆ นะครับ”

“ไม่ต้องกลัว ผมจะช่วยเธอเอง"

เสียงนุ่มที่แสนคุ้นเคย โชโตะจําได้ ถึงเสียงของคน ใจดี เยาแสนคิดถึง

ก้อนเนื้อในอกเริ่มเต้นขึ้นมาแรงเร็ว สองขารีบ ก้าวเดินไปตามต้นเสียง

“แบบนั้นละ นั่นละ เด็ก....

“จับได้แล้วอ้ะ”

เสียงนั้นยังคงดังต่อก่อนจะตามด้วยเสียงสวบดัง ฟังดูคล้ายมีคนร่วงจากต้นไม้-ชายผมสีเขียวฟูทอดลูก แมวตัวเล็กไว้ในมือ นั่งลูบกันป้อย ๆ ณ ไม่ไกลจากทาง เดินบริเวณต้นไม้ที่ตนปีนขึ้นไป

ดวงตาสีฟ้าและเทาเบิกกว้างกับภาพที่เห็นตรง หน้ากับคน ที่เห็นตรงหน้า

รอยยิ้มคิดคะนึงและรอยยิ้มของความยินดีระบาย บนใบหน้ามีรอยแผลเป็น

ก้าวเดินไปหาคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลัง พร้อม หัวใจที่กำลังร้องเต้น

“ดูเหมือนจะมีคนขวางทางอีกแล้วนะ”

พูดขึ้นมาพร้อมกันหน้าคุยกับคนที่นั่งอยู่กับพื้น โชโตะที่ผมสั้นลงหน่อยจากเมื่อ 3 ปีก่อนฉีกรอยยิ้ม อ่อนโยนส่งไปให้ มองอิชิค คนที่เยาแสนรักในทรงผมฟู

ยาวระคอที่เจ้าตัวมัดเอาไว้เป็นจุกน้อย ๆ

คนแก้มกลมเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง คน รักผมสีต่างที่ไม่ได้เจอกันนาน คนที่เขาแสนคิดถึง

แล้วอิชิ ก็ฉีกรอยยิ้มกว้าง

“โชโตะคุง!"

ค้าเอ่ยเรียก อของอีกคนอย่างยินดี

-ในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้ง

end.

สารรักที่ 10

 แสงไฟจากตัวเมืองสะท้อนและส่องสว่าง ขับไล่ ความมีดออกจากโมงยามแห่งราตรีกาล สองเท้าหยุด เดินดวงตากลมโตสีเขียวเงยมองประตูที่ดูสูงเมื่ออยู่ใน ร่างนี้


อิชิค จะเรียกให้ถูกตอนนี้คงเป็นโซบะ ค่อย ๆ ชุดร่างเข้าไปทางช่องเล็ก ๆ สำหรับสัตว์, ประตูแมว


จนเข้ามาในอพาร์ทเมนต์ขนาดย่อม ที่ที่เขา อาศัย


มองซ้ายขวา แอบย่องด้วยความเคยชิน ไม่อยาก ให้ผู้เป็นตารู้ว่าตัวเองออกไปด้านนอกมาในยามค่ำมืด หลังเปลี่ยนร่างเช่นนี้


ถึงจริง ๆ คุณตาจะรู้อยู่ก็เถอะ


แต่อิ คุก็ไม่อยากให้คนสูงวัยต้องมาเป็นห่วง


จนเสียงเอี๊ยดดังเมื่อใช้หัวดับประตูห้องนอนที่ถูก เปิดเอาไว้หลวม ๆ เด็กหนุ่มชะงัก เท้า


*หนุ่มน้อยอิชิ ? ยินดีต้อนรับกลับ


หูของเหมียวบนฟูลั่นดุ๊กดิ๊ก เลียงคุณตาดังชัดแม้ จะอยู่ไกล เพราะทิศทางของเสียงและกลิ่นอาหารที่โชย มา อิชิก งเดาเอาว่าชายชราน่าจะอยู่ในครัว


ใช่ คุณตารู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือต่อว่าอะไร


จนบางทีก็แอบคิดว่าคุณตาตามใจเขาเกินไปหรือ เปล่านะ


เด็กหนุ่มในร่างแมวเหมียวส่งเสียงเมี้ยวตอบรับ กลับไป ก่อนยืดตัวน้อย ๆ หนึ่งที เดินผ่านประตูห้อง ของตนที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ภาพสะท้อนจากกระจกเงาต้าน ข้างกระทบเข้ามาในสายสา


เด็กหนุ่มนิ่งงัน หยุดมองภาพนั้นในกระจก


ลูกแมวตัวเค้ก ฟูาสนิทพันธุ์สกอติชโฟลด์ และดวงตาสีมรกต-ที่เหมือนกับเขายามเป็นมนุษย์


คิดขึ้นมาว่าน่ารักดี


อุ้งน้อย ๆ แปะเข้ากับกระจกสะท้อน เขาเคยโกรธ เกลียดที่ตัวเองต้องเป็นเช่นนี้ไม่อยากแม้กระทั่งจะมอง รูปลักษณ์ตัวเองยามไม่ใช่มนุษย์


แปลกดี แต่ตอนนี้ เริ่มไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว


แอบยิ้มหน่อย ๆ เมื่อนึกถึงสาเหตุของความ เปลี่ยนแปลงนั่น


เรือนผมสีต่าง ดวงตาสีเทาและฟ้าที่คอยมอง อย่างอ่อนโยน และสัมผัสรักใคร่จากมือคู่นั้น


คงเพราะโชโตะรักเจ้าเหมียวตัวนี้เอามาก ๆ เขาก็ เลย รู้รักรักตัวเองในกระจกตอนนี้มากขึ้นตามด้วย ละมั่ง?


มรกตคู่ วยป่าเลืองมองของที่วางอยู่บนโต๊ะ— พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของโชโตะ


เขาเลยอยากจะตอบแทนอะไรคนคนนั้นเสีย หน่อย


(2)


พรุ่งนี้เป็นวันสําคัญ


แต่โชโตะกลับข่มตาหลับไม่ได้เลย


เด็กหนุ่มตัวสูงผลิกตัวยุกยิกอยู่บนฟุตง, กลิ้งไป มา, เหลือบมองนาฬิกาบอกเวลา หน้าจอมือถือ พอ เห็นว่าเวลาล่วงเลยข้ามวันมาแล้วก็ถอนหายใจเฮือก ใหญ่


พรุ่งนี้มีแข่งคิวโต เป็นการแบ่งใหญ่และสำคัญ


ราก


3/39


เพราะงั้นเลยต้องรีบนอน รีบหลับ


แสงจากหน้าจอมือถือดับลงพร้อมดวงตาสีฟ้าและ เทาของโชโตะที่ค่อย ๆ ปิด -พยายามนอน แม้ในหัวจะ มีแต่เรื่องนั่นนี้เต็มไปหมด


อย่างเช่นพรุ่งนี้ จะทําได้ดีไหมหรืออะไรอย่าง ถ้า ไม่ได้เข้ารอบขึ้นมาจะทำยังไงต่อ แห่งละ ถ้าเกิดตก รอบ เจ้าพ่อนั่นคงจะไม่ให้เขาทำอะไรแบบนี้ต่อแล้วละ


จนเสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้น ดึงเรียกเขาให้หาย ฟุ้งซ่าน


มือเรียวคว้าหยิบมือถือ กดเปิดหน้าจอ ก่อนดวง เราสองสีจะเบิกกว้าง พร้อมร่างกายที่ลุกขึ้นนั่งไว ๆ


ยันตัวลุกขึ้นพรวด คว้าเสื้อคลุมมาใส่ พร้อมตรง นิ่งหมายจะออกไปนอกบ้าน


มือหยิบรองเท้า ทิ้งบ้านที่มีสนิทเอาไว้ด้านหลัง สองยารีบเร่งด้วยกลัวว่าอีกคนจะรอนาน


+...มิโดริยะ"


ส่งเสียงเรียกเพื่อนผมฟูที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ คําแพง บ้าน อีกคนสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะหันมองมา


"โทโดโรกิคุง!"


"ย-ยังไม่หลับหรอกเหรอ อ๊ะ หรือว่าผมปลุกเธอ"


อิชิคร้องถามอย่างกังวล เพราะนี่เองก็ดึกมาก แล้ว กจนเลยข้ามมาวันใหม่เลยนั่นละ


โชโตะส่ายหน้า


"เปล่า จริง ๆ ก็นอนไม่หลับอยู่แล้วน่ะ"


ปฏิเสธและอธิบายเพิ่ม อิชิ พยักหน้าหงิกหงัก


"นี่เอง ขอโทษที่เรียกออกมากลางดึกแบบนี้นะ”


“อ...อือ ไม่เป็นไร"


ท่ามกลางความมืดมิดของกลางคืน แสงไฟข้าง ทางส่องสว่าง เด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่ตรงนั้น—นิ่งเงียบ ไม่พูดจา เพียงแค่มองหน้ากัน


แล้วก็หลบตาหนี


เป็นจังหวะที่ชวนให้รู้สึกประหม่าและอืดอัล หน่อย


“คือว่าที่เรียกออกมา...


แล้วก็เป็นอิชิคที่เริ่มพูดขึ้นมาก่อนหลังจากเขิน อายอยู่เสียนาน


“อยากจะให้ไอ้นี่น่ะ”


สิ้นเสียงก็หยิบถุงเล็กที่ทําจากผ้าสีแดงออกมาจาก กระเป๋ากางเกง - เครื่องรางทามือ เขาหาเจ้านี่ด้วยตัว เอง แม้ด้ายเย็บจะไม่ได้เรียบร้อยมากมายนักแต่ก็ยัง พอจะมองออกว่าเป็นเครื่องราง


"พึ่งทำเสร็จไม่นานน่ะ แต่กลัวจะให้ไม่ทัน ก็เลย มาตอนนี้ ตั้งใจว่าถ้าเธอหลับไปแล้วก็จะใส่ตู้จดหมาย แล้วทิ้งย้อความไว้”


“อะ ผมทําเองละ เครื่องรางนี้ อาจจะไม่สวยเท่า ไหร่ ถ้าเธอไม่อยากได้ล่ะก็...


เด็กหนุ่มผมฟูว่าอย่างนั้น อีกอัก ไม่ค่อยมั่นใจ มรกตคู่โตของอิซึคุกัมมองเครื่องรางในมือตนเอง ถึง สภาพมันจะไม่ได้แย่ แต่หากเทียบกันกับเครื่องรางที่ ขายตามศาลเจ้า-ของพวกนั้นคงจะมีคุณภาพกว่าเยอะ มาก ๆ


โชโตะนิ่ง กะพริบตาปริบ มองอิชิ กับเครื่องรางที่


อีกน่ามา


ก่อนจะระบายยิ้ม


“ขอบคุณนะมิโดริยะ”


“ฉันจะพกติดตัวไว้ ตอนแข่ง


มือหยิบถุงผ้าบิ้นเล็กมาจากมือของอิชิค ดวงตารี ฟ้าและเทาพินิจพิจารณาของในมือ


พรุ่งนี้เขาจะพกเจ้า ลงสนามแข่งด้วย


“อื้อ "


เล็กหนุ่มผมฟูพยักหน้า เห็นสีแดงเรื่อ ๆ บนเรียว แก้มกลม สายสาหลุบไปอีกทาง เหมือนกำลังเป็น


พรุ่งนี้สู้ ๆ นะ”


"ผมจะคอยเชียร์จากที่นั่งผู้ชม


แล้วเสียงนุ่มก็บอก คราวนี้เป็นโชโตะ หลบสาย


ตาไปอีกทาง


แล้วส่งเสียงตอบรับ หลังคอขึ้นสีแดง ๆ ไม่แพ้กับ ใบหน้าตกกระของอิชิคุ


กลายเป็นต่างฝ่ายต่างเขินกันเสียอย่างนั้น


“ผผมไป กว่า เธอจะได้นอน"


อิ คุต บทสนทนา พลางยกมือชี้ไปทางที่ตนจาก มาด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน เพราะจุดประสงค์วันนี้สุ ล่วง ก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องอยู่ต่อ ถึงตามจริงจะอยาก อยู่ด้วยกันต่ออีกนิดก็เถอะ


“อืม มิโดริยะ กลับดี ๆ นะ"


โชโตะบอก โบกมือหยอย ๆ ให้อีกคนที่ใกล้จะจาก


“ไว้เจอกัน” เสียงนุ่มดังกลับมาขณะที่ร่างเล็กกำลัง เดินไป


" เจอกัน"


บอกอย่างแผ่วเบา พอไม่เห็นอีกคนในกรอบสาย ทา โชโตะก็ย่อตัวลงนั่ง กอดเข่าตัวเองอยู่กับพื้น-


รู้สึกว่าทั้งใบหน้าและหลังคอร้อนผ่าว แม้ไม่เห็น แต่ก็บอกได้แทนทีว่าตอนนี้ทั้งคอทั้งหน้าทั้งหูเขาคงจะ แดงไปหมด


หยิบเครื่องรางน่าโชคสีแดง อิ ดุ และมอบให้ กับมือขึ้นมาพิพิจ


ก่อนจะเก็บมันลงไปแล้วซุกหน้าลงกับเข่า-


ให้ตายสิ"


สบถกับตัวเองเสียงเบา


เขาชอบมิโดริยะ อิซึคุมากจริง ๆ


(3)


"เอาละ จับคันธนูให้แน่น ๆ นะ”


“ทางขาออกอีกหน่อยนึง นั่นแหละจ้ะ ถูกต้อง”


เสียงใจดีของหญิงสาวเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์เอื้อน ดัง มือเรียวอ่อนโยนค่อย ๆ จับเด็กน้อยผมสองสีที่มี คันธนูอยู่ในมือ


“พอยืนมั่นคงแล้วก็ ค่อย ๆ ยก นครกับถือลูกธนู


นะ"


เด็กชายในชุดฮากามะพยักหน้ารับคำ ผู้เป็นแม่ คันธนูสำหรับเด็กถูกยกขึ้นพร้อมลูกศร


"เส็งช้า ๆ ถ้าคิดว่าตรงเป้าแล้วก็ค่อยยิง ไม่ต้อง รับ นั่นละ มีสมาธิ"


หญิงสาวคนเดิมบอกต่อเบา ๆ ก่อนจะปล่อยให้ เลิกชายจมอยู่กับสมาริ


ดวงตาสีต่างจดจ้องยังเป้าฝึกซ้อมสำหรับเด็ก ใบ หน้ามีรอยแผลเป็นจากอุปั เห นิ่งสงบ


ก่อนลูกธนูจะถูกปล่อยตัดผ่านอากาศ


เล็กน้อยเบิกตากว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นผลหลังการ ยิง หันไปหาผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า


“ร้าว ดูสิจ๊ะ เข้าเป้าเลยนะเนี่ย โซโตะ!"


นัยน์ตาสีเทา สีเดียวกันกับข้างขวาของลูกชาย ทอประกายอบอุ่น มือเรียวคู่เดิมโอบกอดลูกน้อยจาก ด้านหลัง


"โชโตะนี่เก่งจริง ๆ นะ"


"ลูกยายของแม่ เก่งที่สุด"


โชโตะในวัย 8 ปีเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ ภาพหญิง สาวระบายรอยยิ้มอ่อนโยนสะท้อนในดวงตาสองสีสัน


ก่อนเด็กน้อยจะฉีกยิ้มออกมาตาม


(4)


เสียงเพียวดังสนั่นก่อนจะตามด้วยเสียงปัก


ลูกครถูกยิงเข้าเป้าอย่างรวดเร็วด้วยแรงส่งจาก คันธนูและผู้ใช้มัน


ท่วงท่า งดงามไม่ว่าจะตอนยิงหรือยามถือคันคร ใบหน้านิ่งเรียบราวกับกำลังจดจ่อไปที่เป้าและพันธนู ทำ เอาเด็กหนุ่มผมฟู ณ ที่นั่งผู้ชมไม่กล้าส่งเสียง ก แอะเพราะกลัวจะไปทำผู้เข้าแข่งเสียสมาธิ


อิชิคไม่ได้คุ้นเคยกับกีฬายิงธนูหรือดิวโดมากนัก รู้เพียงแต่มันคือชมรมที่โชโตะอยู่มาตั้งแต่เช้าเรียน ซึ่ง จริง ๆ ก็ได้โอชาโกะบอกมาอีกที) เรียกว่าเขากับคิวโล เหมือนอยู่กันคนละฝั่งยองโลก


พอได้มาเห็นด้วยตัวเอง ถึงได้รู้ว่าเป็นกีฬาที่กด ดันไม่น้อย


ลูกธนูกับคันศร-สนามที่ทอดยาว เป้ายิงอยู่ที่อีก ฝั่ง กระดานคะแนน โอกาสยิงเพียงหนึ่งครั้งต่อลูกธนู 1 ดอก และผู้เข้าแข่งขันคนอื่นที่อยู่เรียงกัน ทุกสายตา ล้วนมุ่งมั่นหมายจะยิ่งให้สําเร็จ


อดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่าหากเป็นอิ คล่ะก็ เยาอาจ จะตื่นเต้นมากจนพลาดทุกเป้า หรือไม่ก็สั่นจนยกคัน ครไม่อั้นเสียด้วยซ้ำ


แต่โชโตะที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูสงบนิ่ง เฝ้ารอให้ง


รอบของตัวเอง


อื ดุ เมือมรกตคู่สวยไม่ได้มองอะไรนอกจาก เพื่อนผมสองสีคนนั้น


จะตีนสนามใหมนะ? จะกังวลหรือเปล่า ?


นึกกังวล แต่ที่ทำไล้ก็เพียงแต่ส่งแรงใจ


จนเสียงเพียวและปักของผู้เข้าแข่งคนก่อนหน้า เสร็จสิ้น โชโตะก็เริมเคลื่อนไหว


ยกคันศรขึ้นสูง อีกมือจับลูกธนู ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงจนอยู่ระดับเดียวกันกับสายตา พร้อมคันธนูที่ง้าง พร้อมจะยิง ดวงตาสีฟ้าและเทานิ่งสงบ มีเพียงเป้ายิง และธนูของตัวเองอยู่ในกรอบทัศนวิสัย หูรอรับเพียง เสียงแหวกอากาศและเสียงลูก ข้าเป้า


ใบหน้าที่ถูกจัดเรียงอย่างดียามมีสมาธินั้นงดงาม ราวจนแทบจะหยุดหายใจ


เล็กหนุ่มผมสองสีนั่งค้าง ณ ชั่วขณะที่กำลังจะ ปล่อย นคร ความลังเลปรากฏขึ้นในสมอง


ตั้งท่าได้ดีหรือยังนะ? จะโดนเป้าไหมนะ? ถ้าดอก นี้ไม่เข้า เขาอาจจะไม่ได้เข้ารอบ


ลังเลพร้อมหัวใจที่เต้นตึกตักอย่างไม่เป็นจังหวะ, มือที่จับคันธนูสั่นเบา ๆ เขาหวาดหวั่น แม้จะมีการแข่ง จะมีหลายรอบ แต่โอกาสในการยิงต่อรอบก็มีเพียงครั้ง เขียว—


จนความรู้สึกหวั่นกลัวก็ค่อย ๆ จางพร้อมจังหวะ


หัวใจที่เริ่มเส้นเป็นระเบียบ


พรุ่งนี้ ๆ นะ”


“ผมจะคอยเชียร์จากที่นั่งผู้ชม"


ภาพย้อนเรื่องราวจากเมื่อคืนเล่น เครื่องราง ที่อิซึคุให้ เขาเก็บมันไว้ติดตัว


ไม่เป็นไร จะต้องเช้าเป้าแน่


เหมือนหูได้ยินเสียงแบบนั้น น้ำเสียงอ่อนโยน รู้ ตัวอีกที่มือก็ไม่ได้สั่นเพราะความกังวลแล้ว


อบอุ่นวาบ ณ บริเวณที่เก็บเครื่องราง ถึงอิชิคจะ นั่งเชียร์อยู่ที่ข้างสนาม แต่หัวใจของโชโตะกลับรู้สึกว่า เพื่อนคนนั้นอยู่ข้างกายตัวเองตอนนี้


ใ—จะต้องไม่เป็นไร


ต้องเข้าเบ้าแน่


แล้วตัดสินใจ ลูกศรออกจากคันธนู


เสียงเพียวดังก่อนจะตามด้วยเสียง ต่อกันเพียง ไม่


มรก คู่สวยเบิกกว้าง


เสียงแหวกอากาศของลูกศร งในแก้วหู พร้อมลูก ธนู ปักกับเป้


ป้ายคะแนนที่ถูกเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์เข้าเป้าท่า เอาก้อนเนื้อในอกเส้นรัวเร็วขึ้น รอยยิ้มกว้างระบายบน ใบหน้าตกกระ


- า ฟ เ าเป้าแล้ว


รีบหันไว ๆ ไปทางโชโตะ เด็กหนุ่มผมสองสีตั้งท่า รอการยิงรอบต่อไป แม้จะจะยังดูสงบและงดงามเช่น เคย แต่ภายใต้ใบหน้ามีรอยแผลเป็นที่เรียบนิ่งจนถึง เมื่อครู่นั้นดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย คอมยิ้ม


เหมือนโชโตะจะก๋าลังดีใจอยู่เช่นกัน


(5)


การแข่งสิ้นสุด พร้อมผลประกาศรายชื่อผู้เข้าชิง รอบถัดไป


โชโตะถอนหายใจ-ปิดตู้เก็บของ สหบผู้เข้าแข่ง ขัน ก่อนเด็กหนุ่มผมสอง ในชุดฮากามะจะเลิกคิ้ว น หน่อย ๆ เมื่อเห็นอะไรอยู่ที่ปลายสายตา


-ผ่านกระจกสีใสที่ประตูห้อง เห็นคนผมฟู ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่


เหมือนว่าจะรอเจอเขาอยู่หรือเปล่านะ?


มือคว้าเปิดประตู สองขาก้าวออกไปหาคนที่รอ อยู่ พอเห็นว่าใครออกมา เด็กหนุ่มเรือนผมสีเขียวก็หา าาว


"โทโดโรกิคุง"


คนตัวเล็กกว่ากระโดดกอด-สองแขนโอบรัดรอบ อย่างยินดี เล่นทําเอาคนทั้งคู่เซเกือบจะล้ม


มิโดริยะ ? *


โชโตะร้องชื่อ 8 อย่างประหลาดใจ วางตัวสูงกว่า ประคองเขาทั้งคู่เอาไว้ไม่ให้ล้ม แม้จะตกใจแต่ก็ไม่ได้


"ยินดีด้วยนะ เก่ง! เก่งมากเลย!"


เด็กหนุ่มผมฟูบอก ดวงตาต่างสีสันกะพริบปริบ มองอิชิคที่ดูดีใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก


แล้วก็มุดรอยยิ้ม


-ยอมใจ


และสองมือก็โอบกอดกลับ


จนอิชิ ได้รู้ตัว เมื่อสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือของอีก คนโอบล้อมอยู่รอบเอว


เด็กหนุ่มตัวเล็กผละออกช้า ๆ ด้วยท่าทีประหม่า และเขินขัดเมื่อรู้ว่าตัวเองทําอะไรไป


"ขอโทษครับ จู่ ๆ ก็กอด


"ไม่เป็นไร"


"เองก็กอดกลับไปเหมือนกัน


บทสนทนากระมิดกระเมี้ยนระหว่างพวกเขาต่า เนินไป อิ คุณรู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนหรือเมื่อ โหร่ - บางที อาจจะตั้งแต่ตอนทีโทโดโรกิคุงเอาพวง กุญแจแมวเหมียวนันมาให้ แต่ที่รู้แน่ชัดคือหัวใจที่จะสา ระสายและความประหม่าที่เกิดขึ้นยามอยู่กับคนตัวสูง ตรงหน้า


จนเสียงอื่นดังชัด หันไปก็เจอเจ้าของเสียงอย่าง โอชาโกะ


"ขอโทษที่ต้องขัด แต่เขินกันเสร็จหรือยังเอ่ย"


เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มเพื่อนถามแชวด้วยใบหน้า ยิ้มแย้มและน้ำเสียงแซว ๆ คนผมฟูกัมหน้างุด ด้วยไม่รู้ จะทําท่า ตอบรับกับคําแซวนั่นดี กลับกัน เด็กหนุ่มอีก คนอย่างโชโตะกลับทำหน้านิ่งเรียบ, ไม่เข้าใจว่า โอชาโกะกำลังแชว


"มิโดริยะคุงกับโทโดโรกิคุงสนิทกันขนาดนี้แล้ว


เหรอเนีย"


“ไม่ทันรู้เลยใช่ไหมล่ะ”


ตามด้วยบทสนทนาระหว่าง ตะและโอซาโกะ อิ ดะ, เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าทั้งสองคนสนิทกันไปขนาดนั้น ตั้งแต่ตอนไหน


ช่างเถอะ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีล่ะนะ!


เด็กหนุ่มใส่แว่นพยักหน้า ก่อนเด็กมัธยมปลาย คนจะหันขวับ


- โชโตะ”


เมื่อได้เสียงใหม่ งขึ้นมาจากด้านหลัง หญิงสาว เรือนผมสีขาวแชมด้วยบ่อย เด น้อย ๆ ตามมาด้วย ชายตัวสูงที่มีเรือนผมสีเดียวกัน สีผมข้างขวา ของโซโตะ


"พี่ฟุยุมิ พี่นิต


เด็กหนุ่มในชุดฮากามะเลิก พร้อมเอ่ยเรียกชื่อ พี่ ๆ ของตัวเองอย่างประหลาดใจ โดยเฉพาะผู้เป็นพี่ ชายที่ตนไม่ได้เจอมานาน


“ไง โซโตะ” นัตสึโอะ-พี่ชายคนรองยกมือทักทาย


ใบหน้าที่ดูท่าจะมาจากทางพ่อยกรอยยิ้มกว้าง


"พี่นัตสึ ไม่เห็นบอกว่าจะมา" โซโตะถาม


“เชอร์ไพรส์ไงล่ะ"


"โทยะคุงมาไม่ได้ แต่ก็ฝากแสดงความยินดีมาละ


นะ"


นัตสึโอะตอบ พลางเดินใกล้เข้ามาหาน้องชายคน เล็ก


“ไม่เจอกันนาน ตัวสูงขึ้นใช่ไหมเนี่ย อีกนิดคงสูง กว่าฉันแล้วมั้งเนี่ย"


ก่อนลงมือขยี้หัว—เรือนผมสองสีที่ดูเหมือนจะถูก เจ้าของมันตั้งใจเซตทรงเอาไว้ยุ่งขึ้นมา


พี่นัด อย่า หัวน่า"


บอกไปแบบนั่น


"โอ้ งั้นเหรอ" นัต โอะว่าอย่างขี้เล่น โชโตะ ย หน้านิดหน่อยแต่ในใจก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือหมายจะปิด มือของพี่ชายออก, ปล่อยให้นัตสึโอะเล่นหัวตัวเองต่อ ไป


จนดวงตาสองสีแอบกวาดมอง ก่อนถอนหายใจ เบา ๆ


นัตสึโอะรู้ว่าน้องชายตัวเองกำลังมองหาอะไรอยู่


"เจ้านั่นไม่มาหรอก


จึงตอบไปเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายพลาง ไหวไหล


"คุณพ่อเหมือนว่าจะต้องไปต่างจังหวัดด่วนน่ะ”


ฟุยุมิบอกเสริมขึ้นมา ถึงเหตุผลแท้จริงที่เจ้า นั่นของนัตสึโอะหรือผู้เป็นพ่อของบ้านโทโดโรกิไม่ได้มา ร่วมชมงานแข่งสําคัญของลูกชายคนเล็กเช่นนี้


โชโตะพยักหน้า


“ผมไม่ได้สนใจหรอก ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมานั่งเสีย ใจแล้วด้วย


แล้วเอ่ยเช่นนั้น


มาไม่มาก็ไม่ต่าง ยังมา จะน่ารําคาญเปล่า ๆ "


เด็กหนุ่มเรือนผมสองสีกล่าว ท่าทีเรียบนิ่ง ราวไม่ ได้คิดจะเอามาใส่ใจหรืออะไรกับมันมากมายนัก


"อะ-จริงสิ พ-พี่พึ่งเคยเจอเพื่อน ๆ ของโชโตะ นอกจากเทินยะคุ


“มิโดริยะคุงกับคุณอุรารากะสินะ โชโตะเคยเล่าให้ ฟังละ


“เย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันสิ ทำหม้อไฟดีมั้ย โชโตะเยารอบทั้งทีก็ต้องฉลองสิเนอะ”


อยากกินโชปะ


“จะกินแต่โซบะไม่ได้นะโซโตะ”


ฟุยุมิหัวเราะยันเบา ๆ อื คลอบยิ้มกับภาพตรง หน้านิดหน่อย กับมุมเด็กน้อยของพี่ ๆ แบบนี้ของโทโด โรกิคุง


ทั้งสองคนไปนะ เห็นยะคุงด้วยนะ เดี๋ยวชวน คุณเห็นเช มาด้วย


แล้วหญิงสาวเรือนผมสียาวก็หันมาเอ่ยชวน แม้ จะเสียดายแต่ คงจะต้องปฏิเสธ


"ผมคงต้องขอผ่าน ขอโทษแล้วก็ขอบคุณที่ชวน นะครับ"


เหมือนเช่นทุก


เด็กหนุ่มโน้มหัวลงหน่อย ๆ ขณะพูด พลันหันไป สบสายตากับโชโตะที่มองมา ฉีกรอยยิ้มให้หน่อย ๆ ถึง จะปฏิเสธค้าชวนไป แต่ยังไงเย็นนี้เขาก็คงจะไป หาโชโตะอยู่ดี-ในฐานะของโชปะน่ะนะ


"พี่ฟุยุมิ ผมกับอุรารากะคุงก็คงไปไม่ได้เหมือน กัน เดี๋ยวนี่ก็จะกลับกันแล้ว”


"ใช่ไหมอุรารากะคุง"


อืตะเอ่ย พลางใช้ศอกสะกิตเค้กสาวผมสั้นเบาๆ โอยาโกะสะดุ้งน้อย ๆ หันมองเพื่อนตัวสูงอย่างงุนงง แต่พอตระหนักได้ว่านั่นเป็นสัญญาณก็เข้าใจขึ้นมา


"อ๊ะ เอ๋ อ้อ อือ ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ชวนนะคะ”


โอยาโกะบอก ฟุยูมิท่าสีหน้าเสียดาย


"งั้นเหรอ... น่าเสียดายจัง"


“ถ้างั้นครั้งหน้า ต้องมากันให้ได้เลยนะ..."


ว่ากับเพื่อน ๆ ของน้องชาย หญิงสาวใจดี ทรอย ยืมให้กลุ่มคนอายุน้อยกว่า อิชิครู้สึกว่าดวงตาสีเดียว กันกับข้างซ้ายของโชโตะนั้นเหลือบมองมาทางตนนิด หน่อย


จนโชโตะเดินเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้


“มิโดริยะ ”


คนผมสอง เอ่ยเรียก อเบาเบา ๆ อิชิ เอียงคอ


“คือว่า ขอบคุณนะ”


แล้วคนตัวสูงกว่าก็เอ่ยค้าขอบคุณ เด็กหนุ่มผมฟู เบิกตานิดหน่อย เลิกคิ้วอย่างสงสัย


เอ๋? ครับ? ”


“ผมยังไม่ได้ทาอะไรเลยนะ"


อิชิ บอก น้ำเสียงอึกอัก โชโต๊ะยิ้มให้กับท่า ที่เลิกลักนั่นก่อนจะเอ่ยเสียงเบาพอได้ยินกันสองคน


ขอบคุณที่มาวันนี้ แล้วก็ “


มือเรียวแบออก ให้เห็นถุงน้อยสีแดงบนฝ่ามือ นั้น


“เครื่องรางทีให้มา”


“ขอบคุณนะ”


โชโตะกล่าวค้าขอบคุณจากใจจริงอีกครั้ง ไม่ลืมส่ง รอยยิ้มไปให้คนตัวเล็กข้าง ๆ กาย –เพราะเพื่อน ๆ เพราะอิชิคมาเชียว เพราะเครื่องราง


...ยา ได้ยิงลูกธนูออกไปได้แบบไม่หวั่นไหว


“เรื่องนั้น...


อิ คุกะพริบตาปริบ ไม่คิดว่าจะไล่รับค่าขอบคุณ จากเรื่องแบบนั้น


ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายแท้ ๆ แต่ก็ดีใจ


“อื้อ”


จนกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่


(6)


“นิ-อีดะคุง”


“ทำไมถึงให้ปฏิเสธคุณพี่สาวของโทโดโรกิคุงล่ะ? *


เรื่องทีเขาชวนไปกินข้าว”


โอชาโกะเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างเส้นทางกลับ เพราะโชโตะกลับไปกับพี่ ๆ จึงเหลือแค่สามคน— โอชาโกะ เทนยะ และ คุ


"หือ อ้อ เรื่องนั้น" ฮีตะร้องตอบรับ


“โทโดโรกิคุงเขาไม่ค่อยได้เจอพี่ ๆ เลยคิดว่าให้ ได้ใช้เวลาครอบครัวกันจะดีกว่าน่ะ”


“สาเหตุเรืองนั้นมันก็ออกจะซับซ้อนหน่อย ๆ”


แล้วก็เอ่ยอธิบาย โอชาโกะพยักหน้าหงิกหงัก


"เหงี้นี่เอง”


“อืดะคุงนี่ สนิทกับโทโดโรกิคุงมากเลยสินะ”


“ก็...ฉันรู้จักกับโทโดโรกิคุงมาตั้งแต่สมัยป.4


น่ะนะ"


เลว พี่ชายของฉันกับพี่สาวของโทโดโรกิคุงก็ กำลังจะแต่งงานกันด้วย จะเรียกว่าสนิทกับโทโดโรกิคุง - คงจะได้นั่นละ


อืดะเสริมเพิ่ม เล็กสาวที่ฟังอยู่ที่ตาวาวเมื่อได้ยิน ประโยคหลัง


“เอ๊—เรื่องน่ายินดีนีนา! เมื่อไหร่เหรอ? "


“อา! ฤดูหนาวนี้น่ะ”


ใกล้แล้ว...."


บทสนทนาคําเนินไปเรื่อย • อิ เพียงแต่ฟังคำ เพื่อนสองคนพูดคุยกันเงียบ ๆ





“พี่ฟุยุมิ มีอะไรให้ช่วยไหม?”


เสียงเย็นของเด็กหนุ่มผมสองเอ่ยถามขณะที่ ชะเง้อหน้าเข้าไปในครัว ก่อนนัตสึโอะจะชะเง้อหน้าตาม เข้ามาอีกคน หญิงสาวผู้เป็นพี่โตสุดหินกลับมองน้อง ชายทั้งสองยิ้ม ๆ


นัตถิโอะ ช่วยยกพวกนี้ออกไปด้านนอกหน่อย


นะ"


เอ่ยบอกลูกชายคนที่สองของบ้าน นัต โอะพยัก หน้าพร้อมส่งเสียงตอบรับ ชายหนุ่มวัย 21 ปีสาวเท้า เข้ามาในครัวก่อนจะยกถาดอาหารขนาดใหญ่ผ่านออก ไป โชโจะมองตามผู้เป็นพี่ชาย ก่อนฟุยุมิจะมาหยุดอยู่ ตรงหน้าเขา พร้อมถาดอาหารขนาดสำหรับ 1 คนใน มือ


พี่สาวระบายยิ้มน้อย ๆ มาให้แล้วเอ่ย


“สวนโชโตะ เอานี่ไปให้คุณแม่ทีสิ


นั่งฟัง พยักหน้าแล้วรับถาดอาหารนั่นมา


นัตสึโอะกำลังจัดโต๊ะ ส่วนฟุยุมิก็กลับไปทำบาง อย่างทุกกักในครัว โซโตะก้าวเท้าไว ๆ ไปยัง ณ ส่วนนึง ยองบ้านที่พักหลังเขาไม่ได้มาบ่อยนัก มือเลื่อนเปิด ประตูบานไม้ ภายในมีบุตรีนขนาดย่อม ธูป เทียน เครื่องบูชาต่าง ๆ วางอยู่บนแท่นพร้อมรูปถ่ายของ หญิงสาว เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายของบุคคลในรูป หญิงสาวผู้มีเรือนผมสียาวและดวงตาสีควัน สีเดียวกัน กับคริงหนิ่งของเยา


บรรจงวางถาดอาหาร ณ แท่นวาง ก่อนหย่อนตัว ลงนั่งกับฟูกบนพื้น ดวงตาต่างสีสันเงยหน้ามองแม่ใน ภาพนิ่งอีกครั้ง โทโดโรกิ เรย์ มารดาผู้เสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุตั้งแต่โชโตะยังยังไม่พ้น 8 ขวบ ผ่านมาเกือบจะสิบปีได้แล้ว แต่รอยยิ้มอ่อนโยนของแม่ที่ส่งมา ให้ผ่านภาพถ่ายยังเหมือนกับความทรงจำเมื่อยังเยาว์ วัยไม่ผิดเพี้ยนไป


เสียงครืดของไม้ขีดที่เสียดสีกับกล่อง เปลวไฟสี รถูกจุดขึ้นมา ไส้เทียน ณ แท่นบูชาสว่างไสวก่อนจะ ตามมาด้วยควันธูปลอยโขมง เสียงเคาะก้องดังกังวาน เล็กหนุ่มประกบมือสองข้างเข้าหากัน ในใจนึกพูดไป เรือย ๆ—เหมือน าลังคุยกับแ


ทั้งเรื่องการแบ่งวันนี้ เรื่องสารทุกข์สุกดิบ เรื่อง พี่ ๆ เรื่องทีโรงเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องเจ้าแมวโซบะ เก็บมาเลี้ยง ...เรื่องคนที่ชอบ เขาเล่าทุกเรื่องเท่าที่จะนึก ออกและเล่าได้ เสมือนว่ามารดาผู้ล่วงลับมานั่งอยู่ ณ ตรงหน้


จนเสียงเคาะดังแผ่วลงจนใกล้จะไร้เสียง นั่นหมาย ความว่าเวลาใกล้จะหมด เด็กหนุ่มก็ทิ้งท้ายในใจว่าตน สบายดี และไม่มีอะไรให้ผู้เป็นแม่ต้องห่วง แล้วทั้งห้อง ก็สงัดเงียบ ไม่มีอะไรก้องงกังวานอีกแ


โชโตะเงยหน้าขึ้นมองแท่นบูชาอีกครั้ง ส่งรอยยิ้ม ตอบกลับไปให้แม่ในภาพถ่าย เอ่ยคำลาเบา ๆ ในใจ ก่อนจะดับเปลวเทียนที่สว่างไ


สองเท้าก้าวออกมาจากห้อง มือค่อย ๆ เลื่อนปีล ประตู พี่ชายและพี่สาวตั้งโต๊ะอาหารรอเขาอยู่แล้ว ฟุยุ กวักมือและส่งเสียงเรียก น้องชายคนเล็กสุดของบ้าน หย่อนตัวลงนั่งช้างนัตสึโอะ พี่ชายคนรองพูดบางอย่าง ขึ้นมา ก่อนตามด้วยเสียงหัวเราะจากฟุยุมีและรอยยิ้ม ผุดขึ้นบนใบหน้าของโชโ


หากแม่คอยดูพวกเขาอยู่จากสักทีล่ะก็ อยากให้รู้ ว่าพวกเยา, พวกเราสบายดี และอยู่กันไ


ไม่อยากให้มารดาผู้เป็นที่รัก องมาเป็นห่วงเ


"จริงสิ แล้วที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างล่ะโซโต


มีแฟนหรือยัง?


นัตสึโอะถามขึ้นพลางคีบหมูสุกเข้าปาก โชโตะ แทบจะสลักเส้น ดังเมื่อไต้ น าถามประโยคหลัง "ะ"ลยด้ตะสวล้วาม่


"ยังไม่มีหรอก”


ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงทิพยายามปั้นให้ เหมือนปกติที่สุด นัตสึโอะหันมามองน้องชาย


“แล้วคนที่ชอบล่ะ มีไหม


แล้วเอ่ยถามต่อ


คนอายุน้อยสุดในโต๊ะสะดุ้ง-คราว ตกใจเลียจน เกือบท้าตะเกียบร่วง


ชายหนุ่มเรือนผมสีขาวทําตาโตกับท่าทีตอบรับ นั่น นัตสึโอะา ชามในมือลง จ้องเด็กหนุ่มผมสองสีไม่ วางตา แม้อีกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ความเงียบกับท่า ทางแบบนั้นของโชโตะก็พอจะเป็นคำตอบได้แล้


“เอาจริงดี ใครล่ะ เพื่อนร่วมห้องเหรอ หรือว่ารุ่น น้อง ผู้หญิงหรือผู้ชาย"


โชโตะอีกอีกเมื่อนัตสึโอะตามรัวมาอย่างตื่นเต้น เด็กหนุ่มผมสองสีผู้ไม่เคยปริปากพูดเรื่องความรักกับ ใครที่บ้านมาก่อนรู้สึกขัดเขินขึ้นมา เป็นเสียจนใบหูขึ้นสี แดงเรื่อ ๆ


“อย่าไปคะยั้นคะยอน้องลินัตสึ”


ฟุยุมิเอ่ยเตือนน้ำเสียงใจดี นัตสึโอะหันมาหาพี่ สาวแล้วเอ่ย


“พี่สาว นี่ รู้มาก่อนหรือเปล่า”


“ก็พึ่งรู้เหมือนวันนี้นี่ละ มันเดาไม่ยากนี่นา


“วันนี้ก็พึ่งเจอกันไป ใช่ไหมล่ะ โซโตะ อืม มิโดริ ยะตุง ใช่ไหมนะ? อะ-ขอนอนสีให้พี่ที"


ว่าพร้อมขอพอนสิจากผู้เป็นน้องชาย โซโตะหยิบ ชอสพอนสีแล้วยื่นส่งให้ตามคำขอ


ตัวเล็ก


“ก็...เพื่อนร่วมห้องน่ะ มาเชียร์วันนี้ คนที่ผมฟู ๆ


น้องเล็กของพี" ตอบเสียงอุบอิบ ไม่ได้ไม่สะดวก ใจที่จะพูดหรอก ก็แค่เงินที่จู่ ๆ บทสนทนาก็กลายเป็น ประเด็นเรื่องความรักของเขาเสียอย่างนั้น


"โธ่ ยิ่งน่าเสียดายเลย


“อยากจะคุยกับคนที่โชโตะชอบเสียหน่อยเถอะ”


นัตสึโอะ นงุน ตะเกียบในมือคีบเส้นอุด้งขึ้นมา แล้วถอนหายใจ


ก่อนจะนึกอะไรออก


“จริงสิ นี่ไง ก็ชวนไปงานแต่งพี่ฟุยุมิติ


ชวนแทนเจ้าของงานเลยเหรอเนีย แต่เอาส ชวน มาสโชโตะ”


ฟุยุมิบอกสนับสนุนคำของน้องชาย โซโตะหันมอง พี่สาวและพี่ชายพลันเลิกคิ้ว


*จะดีเหรอพี่ฟุยูมิ"


แล้วหาไมจะไม่ดีล่ะ? "


ลองชวนดูก็ไม่เสียหายนี่นา พี่เองก็อยากเจอมิโต ยะตุงนะ"


ฟุยุมิบอกตอบน้องชายที่ถามอย่างไม่แน่ใจ ได้ยิน แบบนั้นโชโตะก็พยักหน้าเบา ๆ


หากเจ้าของงานอย่างพี่สาวเอยเช่นนั้น การลอง ชวนอิชิ ดูก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร


(9)


เสียงครืดดังพร้อมประตูบานเลื่อนที่ปิดสนิท


ก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง หลังมื้อใหญ่ ที่ร่วมฉลองกับฟุยุมิและนัตสึโอะ


เรียกได้ว่ากินจนพุงกาง


เด็กหนุ่มตัวสูงบิดขี้เกียจเบา ๆ ก่อนเอื้อมมือเปิด


ไฟเพลาน


ห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่นสว่างไสว ดวงตาสองสีเบิกขึ้น หน่อย ๆ เมื่อเห็นว่าใครมาเยือนถึงห้อง


โชบะ "


เอ่ยเรียกชื่อเจ้าเหมียวทีนั่งปักอยู่หน้าประสูติ สวน มือเลือนประตูเปิดให้ลูกแมวบนฟูเข้ามาด้านใน


"วันนี้ก็มา กนะ"


โซบะส่งเสียงเมี้ยวร้องตอบพลางเข้ามาคลอเคลีย รอบขา โชโตะกับมองแมวเหมียวตัวเล็กยิ้ม ๆ ก่อนตัด สินใจอุ้มเจ้าขนฟูขึ้นมา


เห็นเงาตัวเองสะท้อนในแววตาสีมรกต โซบะกำลัง จ้องมาที่เขา ส่งเสียงเมี้ยวให้อีกรอบ


เด็กหนุ่มตัวสูงหย่อนตัวนั่งลงบนพื้น โดยมีเจ้า เหมียว อยู่บนตัก โชโตะพ่นลมหายใจยาว


แล้วก็เริ่มเอ่ยเล่า


“วันนี้น่ะนะ ที่ไปแย่งมา ได้เข้ารอบด้วย"


“พี่ฟุยุมิกับพี่นัตสึกิมา พวกมิโดริยะก็มาเชียร์ ด้วย


"ได้เครื่องรางจากมิโดริยะด้วย


“แล้วก็ได้กำลังใจจากโชบะด้วยนะ"


ว่าจบ มือก็ยกเจ้าเหมียวตัวเล็กขึ้น ใบหน้ามีรอย แผลเป็นฉาบรอยยิ้มเอาไว้


วันนี้เขามีความสุขมากเหลือเกิน จนกลัวว่าสักวัน มันจะถูกริบคืนไป


อยากจะให้เวลาแห่งความสุขอยู่เช่น โปตลอด


“ถ้าวันดี ๆ แบบนี้มีบ่อย ๆ ก็คงจะดีนะ”

สารรักที่ 9

 น่าเบื่อ—


ปิดเทอมฤดูร้อนที่ไม่ได้ อะไร ไม่ได้ไปไหนและ ไม่อาจไปไหนได้


เป็นฤดูร้อนอีกปี คงผ่านไปแบบน่าเบื่อ


หนุ่มน้อยอิ ค


“วันนี้มีดอกไม้ไฟนะ”


“ไปรอดูทีระเบียงใหม


เสียงของชายชราใจดีดังถามขณะที่เปิดประตูเข้า มาในห้อง อิซึคุที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าเหมียวขนฟูสีดำไม่ ได้ร้องตอบอะไรกลับไป


"สาจะเปิดระเบียงไว้ให้นะ"


โทชิโนริบอกพลางเดินเข้ามา มือเลื่อนเปิดระเบียง ที่ติดกับห้องนอนของหลานชาย หันมองมาทางลูกแมว ตัวเล็กน้อย ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป


อิชิ นอนขดตัวอยู่บนเตียง


มรกตคู่สวยเงยมองออกไปด้านนอก ผ่าน ระเบียง ถูกเปิด ฟ้ามืดสนิทไร้แสงดาว ทว่าก็เห็นแสง ไฟประดับจากงานเทศกาลอยู่หลาย ๆ


ตอนนี้ทุกคนคงสนุกกันอยู่


ใช่ว่าเขาไม่ถูกชวน หลังกลับจากเกมเซนเตอร์วัน นั้น โอยาโกะมาชวนและอ้อนวอนให้เขาไปด้วยกัน กรอบ ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้น แต่ เพื่อนใหม่อย่างโทโดโรกิคุงก็เอ่ยปากว่าอยากไป ดอก ไม้ไฟกับเขาเช่นกัน


น่าเสียดายที่อิสึคุต้องปฏิเสธคำเชิญเหล่านั้นทั้ง หมด


กึนะ เย็นมาก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว จะให้ไป เที่ยวเล่นงานเทศกาลหรือ ดอกไม้ไฟกับใครได้ยังไง กัน


จ้องมี ที่บิด กลายเป็นอุ้งเท้าหน้า


เลื่อนขึ้นมามองห้องนอนธรรมดา ๆ ของตัวเอง- ก่อนหันเหม่อไปทางงานเทศกาลที่ดูท่าจะครื้น


เครง


อยากไป


ไม่อยากอยู่ในห้องแบบนี้คนเดียว


ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว


ความคิดวนเวียนอยู่ในหัวแบบนั้น จนรู้สึกว่าหาก ไม่ทําอะไร มันก็คงจะฟุ้งซ่านอยู่ในหัวไปเรื่อย ๆ


อิชิคโดดลงจากเตียง


เหลียวมองประตูห้องที่ปิดเอาไว้สลับกับประสู ระเบียงบานใหญ่


คงไม่เป็นไรถ้าเขาจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย


(2)


ตั้งใจว่าจะออกมาเดินเล่นฮูลอากาศ


แต่ก็ดันเพลินเดินมาจนถึงบ้านของโชโตะเสียได้


ดวงตาสีเขียวสวยเงยขึ้นมองบ้านทรงญี่ปุ่นหลัง ใหญ่ –บ้านโทโดโรกิ สถานที่ที่ตัวเขามาเป็นประจำเมื่อ เวลาเย็นย่า ในฐานะของโซบะ แมวที่คอยอยู่เพื่อนลูก คนเล็กของบ้านอย่างโทโดโรกิ โซโตะ


เพราะมาในร่างนี้บ่อยจึงรู้ องทางสำหรับเข้าเป็น อย่างดี ที่รั้วติดกับสวนข้างห้องโมโตะ มีรูเล็ก ๆ ที่ กว้างพอจะให้ลูกแมวอย่างเขามุดเข้าไปได้


ตอนนี้โทโดโรกิคุงน่าจะไปเที่ยวงานเทศกาลกับ เพื่อน ๆ อยู่


ถ้าเข้าไปก็คงไม่ได้เจอหรอก


บอกกับตัวเองแบบนั้นขณะจ้องมองรูที่ตนมักใช้ เป็นทางเข้า มองมันอย่างยิ่งใจ


ถ้าเข้าไป-จะโดน อหาบุกรุกเข้าบ้านโดยไม่ได้รับ อนุญาตหรือเปล่านะ


ทั้งที่คิดแบบนั้นอยู่ในหัว แต่ก้อนขนฟูค่อย ๆ มุด เข้าไปในช่องว่างใหญ่ระหว่างกำแพงกับฟัน จนสุดท้าย ก็เข้ามาได้สำเร็จ -เขาเข้ามาอยู่ในสวนที่ติดกับห้อง ยองโชโตะแล้ว


ไม่เป็นไรหรอกมั้ง


กฎหมายคนคงไม่ครอบคลุมถึงแมวหรอก


อีกอย่าง ยังไงก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยู่แล้ว


นิกหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง เจ้าเหมียวขนฟูค่อย ๆ เดินย่างมาจากกำแพงริมสวน กระโดดขึ้นมาบนพื้น ชานบ้านที่ปูด้วยไม้ ชะเง้อมองเข้าไปในห้องนอนว่าง เปล่าของโชโตะ ไม่อยู่จริง ๆ ด้วยละ


ดูเหมือนโทโดโรกิคุงจะเผลอเปิดประตูติดกับสวน ทิ้งไว้—


สองเท้าก้าวเข้าไปในห้องขณะเงยมองรอบ ตัว อะ เท้าเปื้อนดินนี่นา จะทำเปื้อนพื้นหรือเปล่านะ


ขณะที่กำลังงุ่นง่านอยู่กับอุ้งเท้าเลอะคราบลื่นของ คนเอง ยินเสียงดังมาจากด้านใน


เล็กหนุ่มในร่างแมวเหมียวสะดุ้งเฮือก มันคือเสียงคนสองคนกำลังโต้เถียงกัน


“ก็แค่ไปงานเทศกาล ไม่เห็นมันจะเดือดร้อน อะไร" เสียงเด็กหนุ่มที่หูคุ้นเคยงอย่างไม่พอใจ


"ไม่เดือดร้อนอะไร เดี๋ยวแกก็จะสอบเข้า มหาวิทยาลัยแล้วนะ แทนที่จะไปเทศกาลที่มีทุกปี เอา เวลามาทําอะไรมีประโยชน์ดีกว่าไหม”


เกมีเวลาไปทําอะไรไร้สาระเยอะนักหรือไง โชโตะ? "


ตามมาด้วยเสียงใหญ่ของชายวัยกลางคน อิซึคุ ไม่รู้จัก


“เถียงกันไปเสียเวลา พ่อต้องรีบไปธุระ"


“แกกลับเข้าห้องไปซะ”


+เทศกาลพรรคนี้มันก็มีทุกปีนั่นละ"


ขายทีอิ คุณดาเอาว่าคงเป็นพ่อของโซโตะเอ่ย ยืน เสียงปิดประตูดังต่อ ก่อนความเงียบจะเข้ามาปกคลุม ทั้งตัวบ้าน


ทุกปีแต่ก็ไม่เคยได้ไปซักปี


เด็กหนุ่มผมสอง พิมพา ถอนหายใจยาวแล้วมุ่ง หน้ากลับมายังห้องของตัวเอง


ทั้งที่ตกลงกันดิบดีกับอุรารากะและอิกะว่าจะไป งานเทศกาลด้วย ถึงขั้นใส่ชุดยูกาตะเพื่อจะไปที่งานแล้ว


แต่ทุกอย่างกลับต้องล่มเพราะเจ้าพ่องี่เง่านั่น


ใบหน้ามีรอยแผลเป็นบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ มือเลื่อนเบิดประตูห้องนอนตัวเอง งครัด


อิชิค โชบะอ้าปากค้าง


โชนะ?"


โชโตะเอ่ยเรียก เมื่อเห็นเจ้าเหมียวขนฟูปรากฏตัว อยู่ในห้องของตัวเอง ใบหน้าบึ้งตึงผ่อนลง ก่อนจะ ระบายยิ้มอ่อนโยนให้ลูกแมวตัวเล็ก


“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะ”


ถามเสียงละมุน มองก้อนขนที่กำลังผวา ทําหน้า


ตกใจ


อิชิ นั่งนิ่ง เพราะเขาตกใจจริง ๆ


ก็คิดว่าเธอไม่อยู่ คิดว่าคงไปงานเทศกาลกับคน อืน ๆ นีนา


แต่จากที่ได้ยินเมื่อกี้–คงมิมิ หาสินะ


“จริงสิ ต้องโทรบอกพวกอีตะก่อน"


ว่าจบก็หยิบมือถือขึ้นมา นิ้วเรียวกดเลื่อนหาเบอร์ เพื่อโทรออก มรกตคู่สวยยองอิ เงยมองเด็กหนุ่ม เพื่อนร่วมห้องในชุดยูกาตะสีนํ้าเงินเข้ม


ใส่ชุดยูกาตะฃะแก้วด้วย....


พอไม่ได้ไปแล้วแบบนี้ คงจะรู้สึกแย่น่าลู


“อิตะ ขอโทษนะ วันนี้คงไปไม่ได้แล้วละ


“อืม ใช่ เพราะอาแก่นั่นน่ะ"


“อะ อุรารากะเหรอ” ดูเหมือนโอชาโกะจะเข้ามา คุยต่อจากเทนยะ


“ขอโทษนะ คงไม่ได้ไปซะแล้ว ทั้งที่อุตส่าห์ชวน


—อ ไว้เจอกันตอนเปิดเทอม”


สิ้นเสียงก็วางสาย มองหน้าจอมือถือที่ค่อย ๆ ดับ แล้วถอนลมหายใจ หันมาทางอิชิคุ


“กินอะไรไหม? ”


แล้วเล็กหนุ่มตัวสูง เอ่ยถาม


(3)


มรกตคู่สวยกันพินิจชามอาหารแมวที่ถูกเลื่อนมา


ตรงหน้า


อาหารเม็ดกลิ่นชวนกิน (สำหรับแมว) ยี่ห้อเดิม


ถูกเทใส่ไว้ให้ อิชิคคอสก-ไม่อยากกินอาหารแมว


โซโตะหย่อนตัวลงนั่งข้างเจ้าเหมียวตัวเล็ก พิง หลังเข้ากับกําแพง ดวงตาต่างสีสันจดจ้องมาทางก้อน ยนฟู, ยากจะอธิบายความรู้สึกที่ปนเปอยู่ด้านใน


อิชิค-หรือตอนนี้เรียกให้ถูกลงเป็นโซบะมอง กิริยาท่าทางนั่นอยู่ตลอด


สองอุ้งเดินเตาะแตะ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ตรงหน้า ของเด็กหนุ่มตัวสูง


แปะ มุ่งหน้าข้างหนึ่งแปะเข้าที่ตักของโซโตะ สิ่งที่ แมวน้อยตัว ปายามต้องการจะช่วยปลอบใจ


โชโตะระบายยิ้ม มีอยกอุ้มเจ้าเหมียวตัวฟูขึ้น


“อยากจะปลอบฉันเหรอโซบะ”


ขอบใจนะ"


กอดวัดคุณแมวใจดีไว้แนบอกอย่างรักใคร่ ทั้งตัว ลงนอนกับพื้นบ้าน บนหน้าผากเข้ากับหัวของเหมียว น้อยเบา


ม็อกอด ลูบไล้ขนฟู ๆ สีดำยลับ


อิ ไม่ได้ต่อต้าน ปล่อยให้อีกคนทําตามที่ใจ อยาก ยังไงก็เป็นแมวอยู่นี่นา


กระทั่งเด็กหนุ่มก็หยุด เมื่อได้ยินเสียงดังมาจาก ไกล ๆ


ยันตัวขึ้นนั่ง ดวงตาต่าสีสันมองตามไปยังทิศทาง กําเนิดเสียง


แสงไฟสว่างเบ่งบานบนท้องฟ้า-ดอกไม้ไฟเริ่มจุด แล้ว


มรกตคู่สวยของอิชิ มองตามไป เห็นดอกไม้แห่ง ท้องฟ้ายามฤดูร้อนกำลังแต่งแต้มท้องนภา ก่อนโซโตะ จะอุ้มเขา น


เด็กหนุ่มตัวสูงเดินออกมายังบริเวณชานบ้าน วาง


เขาลงและหย่อนตัวลงนั่ง


มองดอกไม้ไฟที่กำาลังอวดโฉมอยู่จากไกล ๆ


อิชิคุจิองดอกไม้ไฟเหล่านั้น


ดอกไม้ไฟยามได้ไปดูใกล้ ๆ มันจะสวยขนาดไหน กันนะ


อาจจะเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจนลืมหายใจเลยก็ได้


มรกตคู่สวยเลย นมองเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้อง ดวงตาต่างสีสะท้อนกับแสงไฟบนท้องฟ้า มันเศร้า เหงา และรวดร้าวจนรู้สึกทรมานในอก


การไปดูดอกไม้ไฟครั้งนี้คงสำคัญมาก ๆ กับโชโตะ ใครจะคาดคิดว่าทุกอย่างจะฟังไม่เป็นท่า


สถานการณ์ตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง


แต่สุดท้าย เราทั้งคู่ก็มานั่งดูดอกไม้ไฟจากตรงนี้


ดอกไม้ไฟยังจุดต่ออย่างไม่หยุด แมวน้อยเบือน หน้า หันสบกับสายตาของโซโตะที่มองมา เด็กหนุ่มผม


สอง ยกยิ้มน้อย ๆ ให้ ท่ามกลางแสง เจิดจรัส อิ รู้สึกว่าบ้างในอกบ้าง ช้ายเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ


โชโตะหันกลับไป ถอนหายใจ มองสีสันแห่งฤดู ร้อนตาไม่วาง เห็นแววสะท้อนในดวงตา-หยาดน้ำที่ เอ่อคลอ


มือเรียวของเด็กหนุ่มตัวสูงยกขึ้นเช็ดนํ้าตา พาน จะโหล


อิซึตุเห็นมันทุกอย่าง


หากเป็นเขาที่อยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกัน เขาก็ คงไม่ต่างจากโชโตะสักเท่าไร


ยังไง พวกเขาก็เป็นเพียงแค่เด็ก ที่อยากจะไปดู ดอกไม้ไฟกับเพื่อน ๆ แค่นั้นเอง


แมวน้อยหยัดตัวขึ้น ก้าวเตาะแตะไปนั่งบนตัก ยองอีกคน ยกเท้าหน้าแปะที่บริเวณหน้าอกของอีกคน


อยากจะช่วยปลอบ


โชโตะนั่งค้าง ก้มมองลูกแมวตัวเล็ก


“ฉันไม่อยากจะร้องไห้ให้แกเห็นเลยนะ”


แต่อยากไปดูดอกไม้ไฟจริง ๆ "


พิมพ์เสียงค่อยขณะปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม อี คอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ พร้อมตระกอง กอดคนตัวสูง


-อยากจะปลอบ อยากจะช่วยให้เธอไม่ต้องเจอ เรื่อง ทําให้เคร้า


ผมในตอนนี้จะทำอะไรเพื่อเธอได้บ้างไหมนะ?


ลูกแมวตัวจ้อยยับตัวขึ้นสูง ทาบอุ้งมือเข้ากับแก้ม ของโซโตะ ส่งเสียงร้องเบา ๆ อยากบอกให้เธอรู้ว่าเธอ ผมอยู่ด้วย


ท่ามกลางใบหน้าเขรอะน้ำตา โซโตะระบายรอย ยิ้ม


“ต้องให้แกมาปลอบอีกแล้ว”


เด็กหนุ่มในชุดยูกาตะเอ๋ย เช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายที หลงเหลือ


ลุกขึ้นยืนพร้อมอุ้มโชบะเอาไว้ มองดอกไม้ไฟสุด ท้ายบนท้องฟ้าค่อย ๆ ร่วงโรย


จนแสงสุดท้ายมอบ-เป็นสัญญาณการสิ้นสุด เทศกาล


สายลมอ่อน ๆ พัต ายยูกาตะ เรือนผมสองสีแบ่ง ครึ่งไหวตามลมเบา ๆ


นิก นมาได้ว่า อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเปิดเรียน ภาคเรียนถัดไป


เด็กหนุ่มยิ้มออกมา


เมื่อนึกถึงสถานที่อันมีเพื่อน ๆ และคนพิเศษรอ คอยอยู่


(4)


อิชิคเผลอหลับ


แมวเหมียวเงยหน้าขึ้นมาสะลึมสะลือ มรกตคู่โต กวาดมองบริเวณโดยรอบ -ห้องของโชโตะ


ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน


แต่คงไม่นานพอจะเลยเวลาคืนร่าง


มือ ยังเป็นอุ้งเท้าหน้าอยู่คือหลักฐานยืนยัน ชัดเจน


หันมองไปข้าง ๆ เด็กหนุ่มผมสองสีที่ยังหลับตา พริ้มทั้งที่ยังอยู่ในชุดยูกาตะสําหรับงานเทศกาล


อืชิคอมยิ้ม


คงจะผล็อยหลับไปเหมือนกันสินะ


ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย พอนอนไปนาน ๆ ก็รู้สึก ว่าร่างกายเมื่อยขึ้นมานิด ๆ


“โชนะ? ตื่นแล้วเหรอ”


เอ่ยถามพลางขยี้ตา โชโตะยันตัวขึ้นนั่ง มองเจ้า เหมียวน้อยที่กำาลังอยู่ในอิริยาบถบิดขี้เกียจแก้ว นอนแหมะลงต่อ เหมือนก้อนฟู ๆ ย้วยแปะกับพื้น


น่ารักจริงเชียว


ยะ-สกป่านนี้แล้ว


ฟูตขึ้นเมื่อเห็นเลยนาฬิกาบอกเวลาใกล้เที่ยงคืน อีซี หันมองตามเสียงเรียบของเด็กหนุ่มผมสองสี ก่อน คนเป้นแมวจะสะดุ้งเฮือก


ลูกขึ้นไว ๆ แล้ววิ่งออกไปแบบสุดชีวิต ใกล้จะ เที่ยงคืนนั่นหมายถึงใกล้เวลาที่เขาจะกลับเป็นมิโดริยะ ชิคแล้ว


ถ้าคุณตารู้ว่าหนีออกมาในวันแบบนี้ จะต้องเป็น ห่วงมากแน่ๆ


วิ่งจนมาถึงหน้ารูที่ใช้เป็นทางเข้า อีซี ไม่รีรอ มุด ร่างลอดใต้ าแพงผ่านช่องว่างระหว่างพื้น- จนสุดท้าย ก็มาโผล่ที่ด้านนอก


"เดี่ยวก่อน โชบะ"


ได้ยินเสียงไล่ตามหลังมาติด ๆ แมวก้อนฟูหันหลัง กลับไปมอง – คงจะตกใจที่จู่ ๆ ก็โพรวดพราดออกมาสิ นะ ขอโทษ! ขอโทษจริง ๆ โทโดโรกิคุง


จนนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน


โชโตะเดินออกมาที่สวนติดกับห้องนอน เห็นรูที่ พื้นติดกำแพง คงเป็นช่องทางที่โชบะเข้าออก


อ้ดสินใจบิน าแพงบ้านตัวเอง ไม่ได้จะหนีออกไป ไหน แค่อยากจะดูให้มั่นใจว่าแมวตัวน้อยออกไปถึงไหน แล้ว


เด็กหนุ่มที่ตัวสูงเป็นทุนเดิมไม่ต้องลงทุนอะไร มาก แค่เขย่งจนสุดตัวก็พอจะให้หัวพ่นกำแพงไม้ ดวง ต่างสีสันหมายจะกวาดมองหาเจ้าเหมียวสีดำ แต่ก็ ต้องเบิกกว้างเมื่อเจอใครคนนึง ณ ตรงนั้นแทน


มิโดริยะ? "


“อ–อ๊ะ โทโดโรกิคุง”


*ส-สวิส ครับ ยังไม่นอนเหรอ บ แบบว่าผมออก มาเดินเล่นน่ะ แล้วก็ใจลอยไปหน่อย เดินมาถึงนี่จน


คนผมฟูฟู ระรัวเหมือนกำลังตื่นตกใจ เสียงนุ่ม หัวเราะแห้ง ๆ พลางยกมือเกาหลังคอตัวเอง


โชโตะนิ่งคิด เขามั่นใจว่าเห็นโชมะลอดช่องใ กําแพงไปเมื่อไม่ถึงนาทีก่อน


แต่พอตามมา—ก็ดันเห็นมิโดริยะมาอยู่แทนที่


มิโดริยะ กับโยบ


สมองกำลังคิดประมวล


คราวนั้นที่เจอโซบะพร้อมกับกระเป๋าของมิโดริ


ยะ แล้วพอโซบะและของพวกนั้นหายไป ก็พบว่ามันไป อยู่ที่เพื่อนผมฟูคนนี้


โชนะที่มักจะมาหาทุกหัว และมิโดริยะที่ปฏิเสธ จะไปไหนหลังพระอาทิตย์ตก


สีตาของโชบะและสีตาของมิโดริยะ โชยะกับมิโดริยะ ให้ความรู้สึกบางอย่างคล้าย ๆ


โซบะกับมิโดริยะ


เป็นไปได้ไหมนะ



เรียวคิ้วขมวดมุ่นเมื่อนักรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร กจะเพี้ยนกันไปใหญ่ นหลุดโลกเกินไปแล้ว เป็นไปได้ที่ไหนกันเล่า


มิโดริยะจะเป็นโซบะได้ยังไงกับ


สะบัดไล่, ปฏิเสธสิ่งที่อยู่ในหัว ก่อนจะเท้าแบบกับ


าแพงไม้



สารรักที่ 8

    "นี่ เลิกเรียนแล้วไปคาราโอเกะกันเถอะ!”


    เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กสาวผมสั้นดังบอกอย่างเริงร่า พร้อมระบายรอยยิ้มสดใส ขณะที่ในมือถือตะเกียบและเบื้องหน้าก็มีเบนโตะอาหารกลางวัน


    ทาเคชิคีบไข่หวานก่อนเอียงคอมองเพื่อนสนิทตาปริบ ๆ ข้างกันมีฮารุโกะที่นั่งกินไส้กรอกทอดคุณปลาหมึกอย่างเอร็ดอร่อยและไดจิที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาจากมือกลางวัน


    “วันนี้ไม่มีอะไรต้องไปทำต่อกันใช่ไหมล่ะ”


    “งั้นก็ไปคาราโอเกะกันเถอะ”


    โอชาโกะเอ่ยชวนต่อพลางส่งสายตาเป็นประกาย ให้เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน แล้วเด็กสาวหน้างอเมื่อได้ยินคำตอบที่ได้รับ


    "ผมคงต้องขอผ่าน- แบบว่ากลับค่ำไม่ได้น่ะ "


    "ขอโทษนะครับ”


    เด็กหนุ่มผมดำบอกพร้อมยกมือขึ้นมาประกบเป็นเชิงขอโทษคานาเอะ


    “งั้นไปแค่เกมเซนเตอร์ แล้วไม่ต้องกลับค่ำก็ได้ หรือจะไปที่อื่นก็ได้ แต่ไปเที่ยวกันเถอะ นะ!"


    “ฮารุจังกับไดจิคุงจะไปใช่ไหม นี่ ช่วยพูดกับทาเคชิคุงหน่อยสิ"


    ริโกะหันไปหาเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่พึ่งมาร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกันได้ไม่นานนัก เริ่มจากทาเคชิไปชวนฮารุโกะมากินข้าวด้วยกัน และฮารุโกะก็ชวนไดจิมาอีกทอดนึง


    ไดจิทำท่าครุ่นคิด เหมือนกำลังนึกทวน


    “วันนี้ก็ไม่ได้มีธุระอะไรจริง ๆ นั่นละ ไม่มีเรียนพิเศษด้วย"


    “ฉันไปได้ ไม่ต้องเข้าชมรม"


    ว่าขึ้นก่อนพลางขยับแว่น ฮารุโกะนั่งนิ่งอยู่นาน พูดต่อสั้น ๆ แล้วกลับไปเอ็นจอยกับเบนโตะฝีมือคุณตาของทาเคชิ (ที่เจ้าตัวไปขอให้คุณตาทำมาเผื่อเขา)


    โอชาโกะหันมาทางทาเคชิอีกครั้ง พร้อมทำหน้าตาอ้อนวอน


    “ทาเคชิคุง ไปเถอะนะ”


    “ก็เดี๋ยวทุกคนต้องไปเตรียมสอบกันแล้ว ไหนจะเรื่องเรียนต่อ ปีนี้ก็จบการศึกษาแล้วด้วยนี่นา"


    ยังไม่ลดละความพยายาม พอได้ยินคําพูดที่เพื่อนสาวยกขึ้นมาประกอบ ทาเคชิเริ่มจะใจอ่อนขึ้นมา ดวงตาสีสวยมองไปทางเพื่อนใหม่ผมน้ำตาล ที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาจากกล่องเบนโตะแล้วมองมาทางเขาอย่างคาดหวัง แม้ใบหน้าเล็กจะเรียบนิ่ง แต่ทาเคชิรู้ว่าในดวงตาสีใสคู่นั้นกักเก็บแววแห่งความตื่นเต้นเอาไว้


    ถ้าจะไม่ไปก็คงจะใจร้ายสินะเนี่ย...


    นึกแบบนั้นแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ 


    "ถ้าแค่เกมเซนเตอร์ละก็นะครับ..


พูดจบก็ได้ยินเสียงร้องอย่างดีใจของโอชาโกะ อิ กะทิปรามให้เด็กสาวเบาเสียง และโชโตะที่แต่งแต้ม รอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้


กลับเย็นสักวันก็คงไม่เป็นอะไรห


(


เสียงในเกมเซนเตอร์ค่อนข้างติ


ทั้งเสียงเพลงที่ชวนให้รู้สึกสนุก เสียงผู้คนมาก มายที่ดังเข้ามาในโสตประ


แสงไฟหลากสีสันจากตู้เกมแต่ละตู้แย่งกันเป็นที่ สะดุดตา เชื้อเชิญให้เข้าไปเล่


ทุกอย่างแปลกใหม่และดูน่าตื่นตาไปหมด สําหรับโช


เด็กหนุ่มยืนแข็งท้อ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เหมือนนี่เป็นโลกอีกใบที่เขาไม่เคยรู้จัก ดวงตาสองสี กวาดมองไปมาจนทั่ว เห็นคนในเครื่องแบบนักเรียน หลากหลายเดินกันท ท ทว โอซาโกะและอิตะอยู่ตรง นั้นโตะนสาทง2)รอกา."า ๆย


ถ้ามัวแต่ยืนนิ่งแบบนี้คงจะไม่ได้เล่น


แต่คนไร้ประสบการณ์แบบเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่ม จากตรงไหน


จนมีมือมาจับที่ไหล่ พอหันไปก็พบว่ามันคือเพื่อน ร่วมห้องอย่างอิ ค


“โทโดโรกิคุง"


“มาเกมเซนเตอร์ครั้งแรกนะ”


คนผมฟูตามด้วยรอยยิ้ม โชโตะพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบคําถามนั่น


“ด้วยเหรอ”


"เดาเอาน่ะ"


อยากเล่นอะไรหรือเปล่า ผมไปแลกเหรียญมา แล้วละ"


ว่าจบก็โชว์เหรียญร้อยเยนหลายเหรียญในมือ โชโตะที่ไม่รู้จะเล่นอะไรดีก็ล่ายหน้าปฏิเสธ พอเห็นแบบ นั่น อิชิค ทาสีหน้าครุ่นคิด


"งั้นไปเล่นอันนั้นกัน


ยกนิ้วขึ้นชี้ตู้เกมตู้นิ่งพลางคว้าข้อมือของคนตัวสูง -จูงให้เดินไปด้วยกัน เด็กหนุ่มผู้เคยมาเกมเซนเตอร์ ครั้งแรกไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าผู้มี ประสบการณ์มากกว่าเป็นคนนำทางในสถานที่ที่ไม่คุ้น เคยแห่งนี้


"เกมวัดพลังน่ะ วิธีเล่นที


หันมาบอกก่อนจะหยอดเหรียญไปในตู้เกมขนาด ใหญ่ที่มีนวมแบวนเอาไว้ให้ต่อย


อิซึคุหายใจเข้าพร้อมทำหน้าฮีด - เหวี่ยงหมัด เต็มแรงไป นวม คนผมสองสมองอีกคนไม่วางตา ใน ห้วแวบความคิด นมา ท่าทางจริงจังและสีหน้ายิงยังมั่น ดู-น่ารักดี


แล้วตัวเลขก็ปรากฏบนจอ โชโตะตื่นเต้นกับสิ่ง ใหม่ที่พึ่งเคยเห็น


“ท้าลายสถิติไม่ได้แยะ” อิชิ บ่นด้วยทีท่าเสียดาย ยกรอยยิ้มพร้อมสายหน้าน้อย ๆ


“โทโดโรกิคุง ลองดูไหมครับ


หลังสาธิต เล่นเสร็จก็หันมาพร้อมยื่นเหรียญมา ให้ เด็กหนุ่มผมสองพยักหน้า รับเหรียญมาจากคน ตัวเล็กกว่า หยอดมันเข้าไปในตู้


สู้เขา! ใส่เต็มแรงไปเลยนะ"


เสียงนุ่มร้องเชียร์ โชโตะพยักหน้าให้ก่อน หน้า อืดบ้าง-ตามแบบที่อิชิ ท่าน ดูเป๊ะ แล้วก็ง้างหมัด เข้าไปที่นวนเต็มแรง


นามสีสดแกว่งไปมาพร้อมตัวเลขที่ปรากฏขึ้นบน จอ อิชิคุฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเบิกขึ้นอย่างดีใจ โซโตะ ง รู้ตอนอีกคนบอกว่านั่นคือสถิติใหม่ที่เขาเป็นคนทํา


“สุดยอดไปเลยโทโดโรกิคุง! พึ่งรู้ว่าแรงเยอะ ขนาด


..นก็พึ่งรู้เหมือนกัน"


รอบค่าชมนั่นแบบขัดเย็นด้วยไม่รู้จะพูดอะไร ตอบ ลอบยิ้มหน่อย ๆ เมื่อโดนชม ดีใจ รู้สึกแบบนั้น


อิ พยักหน้า เขาพยายามสังเกตท่าทาง ของโชโตะอยู่ตลอด ด้วยแอบกังวลว่าคนตัวสูงจะไม่ สนุก แต่พอเห็นอีกคนเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่แห่งใหม่ เริ่มโล่งใจ


ก็ก่อนหน้านี้ทำหน้ายังกับแมวสิ้นคนเลยนี่นะ แล้วก็หันหน้า เมื่อมีมือมาสะกิดจากด้านหลัง


อิซึคุหันมาแล้วเอ่ยถาม โซโตะเริ่มกวาดสายตา มองหาเป้าหมายต่อไปที่จะเล่น ก่อนจะสะดุดเข้ากับตู้ คีบตุ๊กตารูปแมว


แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ก็โดนขัดขึ้นมาเสียก่อน


*อิ คุคุณ โทโดโรกิคุง อยู่นี่เอง"


"ไปถ่ายรูป สติกเกอ กัน"


เป็นโอฮาโกะที่เดินเข้ามาระหว่างพวกเขาสองคน เด็กสาวว่าพลางยกนิ้วชี้ไปทางสี่เหลี่ยม ๆ มีทางเข้าไม่ กว้างนักและม่านแขวนปิด เพราะคิดว่าโชโตะคงจะ สงสัย อิชิ จึงหันมาอธิบาย


"ตู้ถ่ายรูปน่ะโทโดโรกิคุง แล้วจะมีให้แต่งรูป แต่ง สมิกเกอร์ตอนถ่ายเสร็จ


พยายามพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด พอสิ้นเสียง โชโตะ ก็พยักหน้าหงิกหงักเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนทั้งคู่จะถูก โอชาโกะจูงเต็มไปไว ๆ ณ ตู้ มีอีดะยืนรออยู่แล้ว


"เอ้า เข้าไปเร่ว


โอชาโกะบอกพลางยังเพื่อนร่วมห้องสองคนเข้า ไปในตู้ถ่ายรูป ก่อนตัวเองจะตามเข้าไปที่หลัง ไม่ลืมดึง อิดะห์ยืนอยู่ตามเข้ามาด้วย


ท-โทโดโรกิคุง ผมเบียดเธอหรือเปล่า


อิ คุถามอย่างอีกอัก เพราะมันแคบ เลยช่วยไม่ ได้ที่จะต้องชิดกันเข้ามาหน่อยเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้พอ สำหรับคนสี่คน โซโตะตอบปฏิเสธกลับไป แม้จะใกล้กัน จนไหล่ชิด แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร


ถึงจริง ๆ จะแอบรักขัดเขินอยู่บ้างก็เถอะ แล้วโอชาโกะก็ร้องบอกขึ้นมาว่ากำลังจะเริ่มถ่าย


เด็กหนุ่มสามคนกับเด็กสาวอีกหนึ่งอัดกันอยู่ในตู้ สติกเกอร์ ไม่นานนักก็ถ่ายเสร็จ ก่อนจะมาออกันอยู่ ณ หน้าจอแต่งรูป โอซาโกะรับหน้าที่คนถือปากกา สําหรับจิ้มหน้าจอกันติดอยู่กับตู้ จรดปลายปากกาลง บนหน้าจอแต่งรูปอย่างเชี่ยวชาญ


เสร็จแล้ว!!


สิ้นเสียงเด็กสาว รูปก็ถูกปรินท์ออกมาจากถ่าย เกวัยมัธยมปลาย คนมุงดูแผ่นพลาสติกฉาบรูปภาพ ที่พวกเขาพึ่งถ่ายไปเมื่อครู่


อีดะขมวดคิ้วมอง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เพราะภาพตัวเองในนั้น


“ฉันตาโตแล้วไม่เช้าเลยนะ"


เป็นโชโตะที่พูดขึ้นต่อขณะจ้องรูปถ่ายตัวเองไม่ วางตา ภาพตัวเขาที่ชูสองนิ้วหน้านิ่ง ๆ และส่วนดวงตา ที่ถูกแต่งให้โตเป็นพิเศษ


*ไม่จริงสักหน่อย เธอน่ารักออกนะโทโดโรกิคุง!


อิชิ เอ่ยชมขึ้นมาทันทีหลังได้ยินอีกคนพูดเช่น นั้น ก่อนเจ้าตัวจะชี้รูปตัวเองบ้าง


“นี่ ดูผมสิ ตลกเนอะ”


ว่าพร้อมหัวเราะ เด็กหนุ่มที่ตาโตอยู่แล้ว พอแต่ง ภาพเข้าไปก็กลายเป็นว่าตาโตกว่าเดิมเสียอย่างนั้น ตามมาด้วยโอซาโกะและอีละที่หัวเราะตามด้วย


ให้โทโดโรกิคุงเก็บไว้ละกัน


ให้ฉัน? *


อือ ก็เดี๋ยวก็สอบแล้วก็ปิดเทอมแล้วนี่เนอะ แล้ว ทุกคนก็คงไปเตรียมสอบเข้ากันหมดแล้ว คงไม่ได้มา เที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ เอ้า เก็บเอาไว้นะ"


ยินเสียงเพื่อนร่วมห้องพูดคุยกัน แผ่นพลาสติก พิมพ์ลายภาพถ่ายของพวกเขาเมื่อครู่ถูกส่งต่อไป ให้โชโตะ ก่อนโอชาโกะจะร้องขึ้นอย่างเริงร่า


จริงด้วย ปิดเทอม!"


ทุกคนไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันเถอะ อิชิคุคุงไปด้วย กันนะ"


หันมาหาเขาด้วยแววตาเป็นประกาย พร้อมคำขอ ร้อง อิ ทำให้ไม่ได้


ดอกไม้ไฟมันจุดตอนค่ำ ๆ นี่นะ


*เอ เรื่องนั้นคงไม่ได้จริง ๆ ทุกคนไปกันได้เลย ครับ ผมไปไม่ได้น่ะ


ปีนี้ก็ด้วยเหรอ ตั้งแต่รู้จักกันมาเรายังไม่เคยไปดู ด้วยกันเลย...


“ขอโทษจริง ๆ นะครับคุณอุรารากะ ผมมีเหตุผล นิดหน่อยน่ะ"


บอกปฏิเสธ แม้จะตามมาด้วยสีหน้าเสียดายของ โอซาโกะ แต่เซสก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะต้อง ไม่รับค่าชวนของเพื่อนสนิท


ก่อนอิชิคจะนิกอะไรออก


*อะ ผมขอตัวสักเดียวนะ มีเรื่องทีต้องไปหาน่ะ จะกลับกันไปก่อนก็ได้นะ"


เด็กหนุ่มผมฟูเอ่ยบอก ยกมือสองข้างขึ้นประกบ


เข้าหากันทําทีเหมือนขอโทษ


“อื้อ รอได้น่า ไม่ต้องรีบนะอิชิคุคุง”


โอซาโกะยังตอบกลับอย่างร่าเริงเช่นเดิม อิชิคุ พยักหน้ารับ โซโตะเหมือนเห็นดวงตาสีมรกตคู่นั้นแอบ ลอบมองมา ก่อนจะหลบไปเมื่อเห็นว่าเขาสบกลับ


อิชิคเดินปลีกออกไปแล้ว อีดะเห็นแบบนั้นก็ขอตัว ไปซื้อเครื่องดื่ม โชโตะกวาดสายตา เห็นแผ่นหลังของ คนตัวเล็กกว่าในเกมเซนเตอร์อยู่ลับ


ก่อนโอชาโกะจะดึงแขนเสื้อเขาแล้วเอ่ย


“โทโดโรกิคุง ว่างใช่ไหม "


ไปหมุนกาชาปองด้วยกันหน่อย


(3)


เสียงแทรก แทรกดังขึ้นเมือลูกบิลของตู้กาชาปอง ถูกหมุน


โชโตะมองเพื่อนร่วมห้องที่กำลังไยกาชาปองอย่าง ขันแข็ง ในขณะที่เขาผู้ถูกลากมา กำลังนั่งมองอีกคน อยู่เฉย ๆ ไข่กาชาปองกลิ้งหลุน ๆ ลงมาจากตู้ แล้วก็ โอชาโกะพ่นลมหายใจ เมื่อของที่ได้ไม่ใช่ลายที่ต้องการ


เง็กสาวเก็บมันลงถุง หยอดเหรียญลงไปในตู้ าหรับรอบต่อไป


ความเงียบเข้าปกคลุม เขานั่งมองเฉย ๆ ส่วน โอชาโกะก็ใชกาชาปอง สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนั้น


ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งและความเงียบไร้เสียง โชโตะนึกสงสัย


...เรียกเขามาทําไม


“โทโดโรกิคุงคิดยังไงกับอิชิคุงเหรอ”


จนเป็นโอชาโกะที่เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ โชโตะสะดุ้งเฮือก ใบหน้ามีรอยแผลเป็นหันมอง โอชาโกะแบบนิ่งสนิท


แบบว่า ก็ก่อนหน้านี้เธอกับอิชิคุง อืมแบบ นั้นน่ะ เห็นว่าทะเลาะกันด้วย"


“แต่ตอนนี้ก็มาสนิทกัน ก็เลยสงสัยน่ะ”


หญิงสาวพยายามขยายความให้คนที่กำลังท้าหน้า เรียบ


"สามตรงว่าฉัน-ดีใจน่ะ"


ทีสิ คุคุงเริมเป้าหาใครก่อนแล้ว -มีเพื่อนคนอื่น นอกจากฉัน"


มือเปิดไข่กาชาปองขณะที่กำลังพูด ดวงตาสี เปลือกไม้สะท้อนแววแห่งความยินดีออกมาจากใจจริง


"ไม่ใช่ว่ามิโดริยะมีเพื่อนเยอะหรอกเหรอ"


“ก็ทั้งนิสัยดี ใจดี ใคร ๆ ก็น่าจะชอบ"


โชโตะถามด้วยความสงสัย มองโมเดลตัวละครที่ ถูกหยิบออกมาจากลูกกลมในมือโอชาโกะ เด็กสาวถอน หายใจอีกรอบ เลยได้รู้ว่านั่นก็คงไม่ใช่ลายที่ตามหาอยู่ ก่อนเจ้าตัวจะหันมาตอบคำถามของเยา


นั่นก็ถูกนะ แต่ความจริง งค่อนข้าง... จะว่า ยังไง "


"ปิตตัว อะไรทํานองนั้นน่ะ"


ปิดตัว?


พูดทวนพลางเลิกคิ้ว โอชาโทะพยักหน้า


“อื้อ เพราะรู้จักกับอิ คุคุงมานานละมั้ง ถึงได้รู้...


“อิชิคุคุงน่ะนะ ไม่ค่อยเข้าหาหรือก้าวเข้าไปสร้าง สัมพันธ์กับใครก่อน แล้วถึงจะรู้จักกันแล้ว ก็จะมีระยะ ห่างบางอย่างที่เข้าไปไม่ได้อยู่ เหมือนเจ้าตัวเขาขีดเส้น เอาไว้ แล้วก็ตั้งใจเว้นระยะ อะไรทำนองนั้นน่ะ"


"คงจะมีเหตุผลบางอย่างนั่นละ แต่เหตุผลอะไร นั่นฉันก็ไม่รู้หรอกนะ"


เพราะงั้นตอนทีอิ คุคุงชวนเธอมากินข้าวกลาง วันด้วยกัน เริ่มสนิทกับเธอ ก็เลยดีใจมาก "


โอชาโกะบอก เด็กสาวแก้มกลมหันหน้ามาทาง ยา ฉีกยมกว้างจนตาปิด


"ฉัน...ฟังจะรู้เลย"


โชโตะตอบกลับเสียงค่อยกับเรื่องราวที่ตนพึ่งได้ ยิน ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าคนที่ดูอ่อนโยน ใจดีและเป็นที่ รักอย่าง 8 จะมีมุมแบบนั้นปิดซ่อนเอาไว้


“อุรารากะรู้จักกับมิโดริยะมานานแล้วเหรอ? *


เด็กหนุ่มผมสองสถามต่อ


"อือ เราเป็นเพื่อนห้องเดียวกันตอนม.ต้นน่ะ”


แล้วก็อยู่ด้วยกันมาตลอด


และโอซาโกะก็ตอบ โชโตะพยักหน้ารับ ก่อนจะ หลบสายตาลง า ดวงตาสองสีเหม่อมองฉลากหน้าตู้กา ชาปอง ครุ่นคิดอะไรในหัวไปเรื่อย


เขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับมิโดริยะ อิชิคุงั้นเหรอ?


จากในสายตาของโชโตะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแล้ว นั้น จะบอกว่ามิโดริยะ อิชิคุ เป็นตัวตนที่ราวกับดวง อาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ คงไม่เวอร์เกินไปเสียเท่าไหร่


อบอุ่น อ่อนโยน ใจดี แทบจะเป็นขั้วตรงกันข้าม กับเขา – พายุหิมะในฤดูหนาวไร้ที่สิ้นสุด


โชโตะรู้ และเฝ้ามองมาตลอด


เคยคิดว่าทั้งระยะห่างและนิสัยที่แตกต่าง เยา กับอิชิ คงจะไม่มีทางมาบรรจบ


แต่ใครจะรู้ว่าวันนึง สด ตอบอุ่นจะสาดส่องลง มากลางพายุหิมะ


รู้ตัวอีกที มิโดริยะ อิสึคุเข้ามาวนเวียนในชีวิตของ โทโดโรกิ โซโตะเสียแล้ว


แถมยังมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากกว่าที่


ให้ความรู้สึกเหมือนเจอบ้านตระหง่านยามหลง ทางกลางพายุหิมะ บ้าน ให้ ทั้งความอบอุ่นและสบายใจ


ถ้าถามว่าคิดกับมิโลริยะ อิชิอย่างไร ทั้งหมดที่ ว่ามานั่นก็คงเป็นคำตอบของเขา


“นี่...ถ้าที่ฉันจะพูดมันเพี้ยน ๆ ก็อย่าถือสากันเลย นะ


โอชาโกะบอก นมาขณะที่โชโตะ าลังจมอยู่กับ ความคิด เด็กสาวผมสั้นหันมาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อน จะเอื้อนเอ่ยประโยคที่โชโตะคาดไม่ถึง


"โทโธโรกิคุงน่ะ จริง ๆ แล้วแอบ ๆ ชอบอิชิคุ คุงเขาอยู่ใช่ไหมล่ะ? *


สิ้นเสียงคำถาม โซโตะก็ตัวแข็งชื่อ เงยหน้าขึ้นไว ตกใจเสียจนหัวแทบโหม่งตู้กาชาปอง


เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยตอบรับอะไรกลับไป ด้วย เขา-ทําตัวไม่ถูก


แอบชอบ...


ช่างเป็นคํ ที่ชวนให้จั๊กจี้หู แต่ในใจกลับไม่ได้ร้อง ปฏิเสธอะไร


และลงไม่ถูกหากจะบอกว่าเขาไม่มีความรู้ ก พิเศษใด ๆ อมิโดริยะ อิชิคเลย


กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่มักจะเรียบนิ่งเสมอ ของโชโตะกระตุก-ก่อนจะถูกย้อมด้วยสีแดงระเรื่อ


เห็นท่าทีแบบนั้น โอชาโกะก็ทำตาวาว


"เอ๊ะ? จ-จริงเหรอ"


จริง ๆ เหรอ ว่าปลื้ม”


“โทโดโรกิคุง !


เด็กสาวถามช้า คาดคั้นคำตอบจากเพื่อนร่วมห้อง ตัวสูง โชโตะพยักหน้าช้า ๆ ทั้งที่ใบหน้ายังขึ้นสีฝาด


คนตัวสูงอีกอัก เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูกอย่างที่ไม่เคย เป็นมาก่อน


โอชาโกะลดมือลง อ้าปากค้าง


“ฉันยังไม่มั่นใจเลยนะ! อันนี้แค่เอาเองนะ!”


"พระเจ้า ได้ยังไงกัน จริงเหรอเนี่ย ทำไมล่ะ!"


“พูดอะไรสักอย่างสิ โทโดโรกิคุง!"


เอื้อมมือไปเขย่า พยายามจะทำให้อีกคนพูดอะไร สักอย่างออกมาต่อ โอซาโกะไม่คิดว่าตัวเองจะเดาถูก และเมื่อเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่รู้จะรับมือโทโดโรกิ โชโตะ ยามเป็นอายเช่นตอนนี้ยังไง


"ไม่รู้จะเรียกว่าชอบ หรือเปล่า แต่กับมิโดริยะ มันมีความรู้สึกที่พิเศษกว่าคนอื่นทั่วไป.."


“มิโดริยะคล้าย ๆ แมวฉันน่ะ อะ ในแง่ที่ดีนะ ไม่ ใส่ในแง่น่าขนลุก..."


แบบว่า นิสัย ความใจดี เวลาอยู่ด้วยแล้วให้ความ รู้สึกคล้าย ๆ กัน”


“ความรู้สึกเหมือนนั่งหน้าเตาฝังในหน้าหนาวแบบ นั้นน่ะ”


ว่าจบก็ยกมือขึ้นเกาแก้มแรก ๆ หันมองเพื่อน ร่วมห้องสาวด้วยสีหน้ากังวลใจ


...คงดูน่ากลัวสินะ”


โชโตะเอ่ยถามก่อนถอนหายใจ ดวงตาต่างสีสัน ฉายแววซึมเซา โอซาโกะรับส่ายหน้าระรัวปฏิเสธ


“ไม่เลย โทโดโรกิคุง ไม่ใช่แบบนั้นหรอก"


“ฉันแบบว่า พูดไม่ถูกเลยละ ไม่คิดว่าเธอจะมีมุม แบบนี้


...แล้วก็ ไม่คิดว่าจะเดาถูก"


ว่าจบก็หัวเราะแหะ ๆ มองคนตัวสูงที่ตัวแข็งทื่อ และใบหน้ามีรอยแผลเป็นที่ยังเรือสีแดงจาง ๆ


ตายละ น่ารักจริงเชียว


โอชาโกะสอบยิ้มอย่างเอ็นดู


เริ่มอยากเอาใจช่วยขึ้นมาแล้วสิ


ถ้างั้น-"


*จะบอกอะไรให้ละกันนะ ถือเป็นค่าขอบคุณที่มา นั่งใบกาชาปองเป็นเพื่อน


(4)


"ผมพึ่งรู้เลยนะว่าโทโดโรกิคุงกลับทางเดียวกัน"


เสียงนุ่ม งบอกคนที่เดินอยู่บ้างกาย หลังจากแยก ย้ายกับอีดะและโอซาโกะที่เกมเซนเตอร์ ก็ตั้งใจมุ่งหน้า กลับบ้านตามปกติ แต่ไม่ได้คิดว่าเพื่อนร่วมห้องผมสอง คนนี้จะเดินกลับมาทางเดียวกันด้วย


เราก็เจอกันตอนเช้าหลายครั้งอยู่นะ”


โชโตะบอกเสียงเรียบ กล่าวถึงเหตุการณ์


“อะ ตอนเดินมาโรงเรียนสินะ จริงด้วยเนอะ


“ตอนนั้นผมกลัวเธอสุด ๆ ไปเลยนะ เคยแอบคิด ถึงขั้นว่าเธอคือคนสุดท้ายในโลก จะยุ่งด้วย"


*ขนาดนั้นเลยเหรอ? "


“อือ ขนาดนั้นเลยละ”


แต่พอรู้ว่าจริง ๆ เธอห่างไกลจากค้านั้นมากก็—


ทําเอารู้สักอายนิด ๆ อยู่เหมือนกัน


อิชิ หัวเราะเสียงแห้งพลางเกาแก้มเขิน ๆ โดยมี ดวงตาต่างสีสันของโชโตะลอบมองอีกคนจากด้านข้าง เด็กหนุ่มตัวสูงพยักหน้าหงิกหงักตอบรับการสนทนา แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมเขาทั้งคู่ อิริต ได้เอ่ยอะไร ออกมาต่อ โชโตะก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรเช่นกัน


กลงภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบของเด็กหนุ่มผมสอง ส ก้อนเนื้อในอกยางเต้นตึกตัก


มือหนึ่งขึ้นทาบหน้าอกของตัวเอง รับรู้ได้ถึงบาง อย่างที่เต้นระรัวเร็วอยู่ด้านใน


ตั้งแต่โดนอุรารากะทักแบบนั้น- ข้างในนี้มันก็ไม่ ปกติอีกเลย


โชโตะลดมือลง ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เจอ บางอย่างขนาดเล็กพอจะทำได้ด้วยฝ่ามือใส่เอาไว้ - เหมือนอยากจะตรวจสอบให้แน่ใจก่อน แล้วเด็กหนุ่ม ตัวสูงก็เลื่อนสายตาช่าเลืองมองคนข้างกาย


อยากจะชวนคุย ต้องชวนคุย


รู้สึกแบบนั่น


แต่เขาไม่ใช่คนคุยเก่ง แถมชวนคุยก็ไม่เป็น แล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงดี


จนสุดท้ายก็พลาดโอกาสจะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดบท สนทนาไป


“วันนี้สนุกหรือเปล่า โทโดโรกิคุง”


อิชิ เอ่ยถามขึ้นมา เสียงนุ่มยังฟังดูใจ เฉกเช่น เดิม คําถามที่ไม่รู้ที่มาที่ไป และชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ใจขึ้น มานิดหน่อย แต่ขณะเดียวกันก็ทําให้รู้ลืกสบายใจและ อบอุ่น


“อือ”


"สนุกมาก


โชโตะตอบ รอยยิ้มระบายบนใบหน้ามีรอยแผล อิชิ เห็นแบบนั้นก็อมยิ้มออกมาตาม


"ดีใจจังที่สนุก


บอกเสียงค่อยอย่างยิน มรกตคู่สวยสะท้อนแวว แสงยามเย็น ตะวันเริ่มคล้อย สีส้มของยามเย็นของ อาทิตย์อัสดงก็ถูกทาทับไปทั้งบริเวณ


“จริงสิ เดี่ยวจะลืม—


สินค้า เค้กหนุ่มผมฟู ล้วงหายองดังกุกกักใน กระเป๋านักเรียน


“ผมเห็นเธอมองมันตอนอยู่ที่เกมเซนเตอร์


คิดว่าอาจจะอยากได้ ก็เลย...ไปตีบมาให้น่ะ"


แล้วมือก็ยื่นพวงกุญแจรูปแมวสีดำล้วนมาให้ โชโตะมอง-ดวงตาต่างสีสันหลบลงต่ำ สองขาหยุดเดิน ล้วงมือเข้าไปก่าของในกระเป๋ากางเกง แล้วพิมพาเสียง ค่อย


..แบบนี้ แย่ล


อิชิคเลิกคิ้วพร้อมเบิกตา เอียงคอน้อย ๆ อย่างไม่ เข้าใจ


“เอ๊ะ หมายความว่ายังไงกันครับ?"


อันที่จริง ฉันก็ไปยิบมาแล้วน่ะ"


ว่าจบก็หยิบพวงกุญแจรูปแมวแบบเดียวกัน เพียงแต่เป็นลายสี ขึ้นมา


"สั่งใจจะเอามาให้มิโดริยะ"


"อุรารากะบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดมิโดริยะแล้วฉัน ก็เลย


เว้นเสียงไปพร้อมท้าหน้าข่ม ขณะที่มือยังแบพวง กุญแจเหมียวน้อยเอาไว้ อิชิองแมวยาวลายแต้มตัว น้อยห้อยห่วงเหล็กอย่างอึ่ง ๆ ระคนตกใจ


เยาเองก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าวันเกิลของตนเองก็ใกล้จะ วนมาอีกปีแล้ว แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือคนตัวสูงตรงหน้า คนนี้จะเอาของขวัญมาให้นี่ละ


ก็เลยจะเอามาให้ผมเหรอ....? "


เจ้าของเรือนผมนุ่มเอ่ยถาม มรกตคู่โตเงยขึ้น มองเพื่อนร่วมห้องผมสองสีที่พยักหน้าหงิก ๆ เป็นเชิง ตอบรับ


“แต่มิโดริยะก็ดันยิงให้ฉันก่อนซะโต้


โชโตะบอกหงอย ๆ พร้อมท่าที่เหมือนแมวคอตก


นั่นท่าเอาอิชิ ท้าตัวไม่ถูก


"อะ เอ๊ะ เป็นงั้นไป


ขอโทษนะ ผมไม่รู้!


เอ่ยค้าขอโทษพร้อมยกมือสองข้างยื่นประกบกัน ใบหน้าตกกระทั้งว้าวุ่นและกังวลใจ อีกอักกับทีทำหู หางตาของโซโตะ จนอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองแบบไม่ เข้าใจว่าทำไมเขาต้องขอโทษ


“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่”


แต่ว่า ผมไปขัดความตั้งใจของเธอนี่นา"


อื คอ บาย นิ้วจิ้มพันกันไปมา น้ำเสียงฟังสบาย หูว่าหงอย ๆ


โซโตะมองของในมือตัวเองสลับกับเรียวแก้มกลม ของอีกคน


แล้วเอ่ยเสนอ


"ถ้างั้น...มาแลกกัน"


เลกกัน 2


คนแก้มนุ่มทวนค่าช้า โซโตะพยักหน้า


“อือ...


"ถ้าต่างฝ่ายต่างเอามาให้กันแบบนี้ งั้นก็


...แลกกันได้ไหม? *


ประโยคถามเสียงแผ่ว หลบสายตาไปอีกทาง ใบ หน้าเรียบนิ่งแต่งแต้มสีสันของเลือดฝาด มืออีกข้างยก ขึ้นมาเกาคอแกรก ๆ เหมือนไม่รู้จะทําอย่างไรหรือเอา มือไปไว้ตรงไหน


อ โต้ ได้สิ มาแลกกัน


อิคก้มหน้าหงิก ตอบไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก รู้ ลึกได้ถึงไอร้อนผ่าน ๆ บนใบหน้า รู้สึกเป็นอายขึ้นมา ไม่กล้าจะสบกับดวงตาสองสีคู่นั้น


มีอยื่นพวงกุญแมวลาไปให้ ขณะที่อีกคนที่ยืน พวงกุญแจแมวยาวลายนมมาเช่นกัน


โชโตะหยิบของที่อีกคนให้มาแล้วอมยิ้มกับตัวเอง ของขวัญชิ้นแรกที่เคยได้รับจากใครสักคนนอก จากครอบครัว


"ขอบคุณนะ"


“แล้วก็ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า


เอ่ยประโยคที่ตั้งใจจะพูดหลังจากนี้ แต่ด้วยสถาน การณ์ที่ผันเปลี่ยน เลยต้องมาขยับมาพูดก่อนวันจริง อิชิ พยักหน้า


ขอบคุณนะคร้บ โทโดโรกิคุง”


“จะเก็บรักษาอย่างดีเลย


เสียงนุ่ม บอก ใบหน้าตกกระหุบยิ้มไว้ไม่อยู่ คํา ยองขวัญวันเกิด ได้รับเอาไว้ ของสําคัญ


จนเสียงมือถือร้องกัน เด็กหนุ่มสองคนสะดุ้ง เอือก “ของผมเองครับ—" อิ คลนลาน ควานหามือถือ ที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋า หยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ ก่อนพบ ว่ามันคือเสียงร้องเตือนใกล้พระอาทิตย์ตกดินที่เขาตั้ง เอาไว้


ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง หันขวับมองโชโตะอย่าง ตกใจ


ผ-ผมคงต้องรีบไป อ๊ะ!"


บอกลาอย่างรีบร้อน แต่เพราะรีบเกินไปเลยสะดุด ยาตัวเองจนเกือบล้ม โซโตะยื่นมือออกไปจับ ช่วย ประคองคนตัวเล็กกว่าที่เกือบจะล้มเมื่อครู่


ม ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ


ผ ผมต้องรีบไปแล้ว ไว้เจอกันนะครับ"


อิชิ กล่าวขอบคุณ เพราะไ มือเรียวของอีกคน ช่วยเอาไว้เลยไม่ต้องล้มหน้าคะมา แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มี เวลาเหลือเฟือพอจะให้ซาบซึ้งอะไรมากมาย เด็กหนุ่ม ผมฟูริบบอกลาไว ๆ สิ้นเสียงก็หันหลังและออกวิ่งสุด


เวลากำลังจะหมดแล้ว


ต้องไปที่ที่ไม่มีใครเห็น –ที่ที่โชโตะจะไม่เห็น


อิชิคุไม่รู้ว่าตัวเองกำลังวิ่งไปที่ไหน รู้แค่ว่านี่เป็น ครั้งทีสองแล้วที่เขาจะกลายเป็นแมวในที่สาธารณะ ซึ่ง จะให้ใครเห็นไม่ได้โดยเด็ดขาด


จนลองยามาหยุดในซอยเปลี่ยว เด็กหนุ่มผมฟู ยืนหอบ หันมองไปด้านหลัง พอคิดว่าคงจะไม่มีใคร เห็นก็ผ่อนลมหายใจ ถอดกระเป๋าวางและทรุดตัวลงนั่ง กับฟัน อยากจะตําหนิตัวเองอีกสักร้อยหรือสักพันครั้ง ที่ดันเผลอไผล เที่ยวสนุกจนลืมเวลา มไปว่าจริง ๆ แล้วตัวเองเป็นอะไร


จนเสี้ยวสุดท้ายดวงอาทิตย์หล่นพ้นขอบฟ้า อิ ปิดเปลือกตาลงเบา ๆ


เลิก


ก็เหมือนกับทุกวัน—เหมือนกับทุกครั้งตั้งแต่ยัง


ทําไมยังไม่ชินเสียทีนะ


มรกตคู่สวยหนีขึ้น พอก้มลงมองก็เห็นอุ้งเท้าของ แมวขนฟูสีตาแทนทีจะเป็นมือของมนุษย์แล้ว


ลอบถอนหายใจ แม้จะคอยพร้าบอกตัวเองว่าควร จะชินได้แล้ว แต่เมื่อว่าผันแปร กลายเป็นแมวไป ภาย ในใจก็มีความรู้สึกเศร้าหลง เอาไว้ทุกครั้ง


วันนี้คงทิ้งกลับบ้านช้า ทิ้งไม่ได้ไปบ้านของโทโด โรกิคุง


อิชิคเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า


แม้ตะวันจะลาลับ แต่ฟ้าก็ยังมีแสงสว่างพร่างอยู่ กลาย ๆ ตัวเลขนาฬิกาบอกเวลาที่จำได้ก็บอกเวลาใกล้ ค่าเต็มที คงเพราะเป็นหน้าร้อนนั่นละ ช่วงเวลาของกลางวันจึงได้ยาวนานกว่าโมงยามของกลางคืน


ทุก วนเวียน เมื่อวันเกิดของเขาและการสอบผ่าน พ้น ปิดเทอมฤดูร้อนก็จะมา ฤดูร้อนดูน่าสนุกเสมอ ทั้งทริปค้างแรมกับเพื่อน ๆ เทศกาลฤดูร้อน ชมดอกไม้ ไฟ กิจกรรมมากมายที่ทําได้เฉพาะในหน้าร้อนเท่านั้


อิ คุไม่เคยได้สัม


เพราะการกลายเป้นแมวมันไม่มีปิดเทอมหรือวัน หยุดทํา ทุกหน้าร้อนเยายลูกตัวอยู่แต่กับบ้าน-แทบ ไม่ได้ออกไปไ


พร่าบอกกับตัวเองว่าต้องชิ้นได้เสีย


แต่อย่างน้อย ก็อยากจะไปดูดอกไม้ไฟด้วยตา ของตัวเองสักครั้






ค่าวันนั้น อิชิคุฝัน


นานมาแล้วที่ไม่ได้ฝันแบบนี้


พระอาทิตย์ลาลับเส้นขอบฟ้า เมืองที่ไร้แสงไฟ เสียงร้องเล็ก ๆ อย่างหวาดกลัวของลูกแมวที่ติดอยู่บน ต้นไม้ อิคุมันได้ดี ทุกอย่างยังชัดเจนเหมือนเกิดขึ้น เมื่อวาน


ตัวเขาในวัยอนุบาล ติดอยู่บนต้นไม้จากการ กลั่นแกล้งของเพื่อนร่วมชั้น


วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการเรียน


เยาร้องระงม กรีดร้องสุดเสียง ร่างกายส้นเทิ้มไป ทั้งตัว หวังเพียงให้ใครสักคนมาช่วย


และในปีที่เขายังอายุไม่ครบ 7 ขวบดี อิ คุก็ได้ เรียนรู้ ว่ามนุษย์เรานั้นเกลียดความแตกต่างขนาดไหน


-สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมน้ำตาที่ยังเอ่อนอง มือของ เด็กหนุ่มค่อย ๆ ยกขึ้นเช็ต สัมผัสของเรียวนิ้วบนใบ หน้าทำให้ได้รู้ ดูเหมือนเข็มนาฬิกาจะวนเวียนผันผ่าน เลข 12 ไปแล้ว


เด็กหนุ่มผมฟูยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงนุ่ม กวาดสาย ตามองห้องของตัวเองชะงักสายตาที่กระเป๋าสีเหลือง คิดที่วางอยู่ข้าง ๆ โต๊ะ คาดว่าคงเป็นคุณตาที่เอามาวาง ไว้ให้


อิ คุลิวงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบพวง กุญแมวขาวลายแต้มออกมา พินิจพิจารณาของชิ้นเล็ก อย่างชอบใจ ของขวัญวันเกิดที่ได้รับมาไวไปหน่อย


ใบหน้าตกกระแต่งแต้มรอยยิ้ม


สัญญาว่าจะเก็บรักษาและใช้งานมัวอย่างดี ราวว่า


เป็นสมบัติชั้นสําคัญ


จนเสียงเคาะประตู ง ลก ๆ ไม่ใช่ใครอื่นนอก จากคุณตาโทชิโนริ เจ้าของห้องส่งเสียงตอบรับกลับไป มือเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือ ไม่อยากให้คุณตา เป็นห่วง


*หนุ่มน้อยอืชิด ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม"


ชายชราตัวสูงท่าทางใจดีเอ่ยถามหลังเปิดประตู ห้อง อิชิคพยักหน้า พอเห็นแบบนั้น โทโซโนริก็ก้าวเท้า เข้ามาด้านใน


หย่อนตัวลงนั่งบนเตียง ข้าง ๆ กันกับหลานชาย อื ค ง มห า ง มรกตคู่สวยหม่นแสงและเจือ ความรู้สึกผิด เค้าเอาไว้ว่าตัวเองคงจะโดนดุเรื่องวันนี้


“มีอะไรอยากจะเล่าให้ตาฟังใหม


แต่คําถาม า ไม่ถึงก็ถูกเอ่ยขึ้น เด็กหนุ่มหันมอง คนข้างกายด้วยแววตาฉงน ชายชราผมสีทองแชมด้วย สีดอกเลาระบายยิ้มให้


“หมายความว่ายังไง— คุณตาไม่ได้จะมา ผม หรอกเหรอครับ"


เด็กหนุ่มร้องถาม มรกตคู่สวยฉายแววไม่เข้าใจ


"ไม่หรอก"


ก็แค่หลัง ๆ มานี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย


โทชิโน บอกตอบ ดวงตาสีท้องฟ้าฤดูร้อนสอบ สังเกตกิริยาของหลานชาย


ทั้งที่ผมแอบออกไปด้านนอกทุกวันตอนเป็น แมว แล้ววันนี้ก็กลับบ้านไม่ทันอย่างนั้นเหรอครับ”


เค็กหนุ่มกล่าวเสียง ม


หนุ่มน้อยอิ F


หลานเป็นเด็กดี ตารู้ว่าหลานมีเหตุผล และก็รู้ตัว ว่าทําอะไรอยู่”


แต่ต้องระวังตัวด้วยนะ เข้าใจใหม


ว่าเช่นนั่นขณะจ้องใบหน้าของ คนอายุน้อย กว่าพยักหน้ารับ


“ว่าไง มีเรื่องอะไรกังวลใจอยู่"


แล้วก็เอ่ยถามต่อ โทชิโนริพอจะดูออกว่าตอนนี้ ภายในหัวของเด็กหนุ่มข้างกายคะมีเรืองราวมากมายที่ กําลังกังวล


“ผมคิดว่าเชนโชคุง อาจจะรู้ความลับของผมแล้ว ครับ


"อะไรทำให้คิดแบบนั้น”


ผม-ผมก็ไม่รู้ แต่ว่ามันรู้สึกแบบนั้น


อิ คลายหน้า บอกปฏิเสธ เขาไม่รู้ว่าทําไมตัวเอง ถึงคิดเช่นนั้น แต่สัญญา ญาณบางอย่างมันกำลังคู่ ร้องบอก


“ถ้าเกิดเขารู้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วผม...ผม..."


เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงลั่น สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ เอ่อล้นอยู่จนเต็มอก


"ไม่เป็นไร หนุ่มน้อย"


"เดี๋ยวตาจะลองหาทางคุยดูด้วยว่าเขารู้จริง ๆ ใหม่


โทชิโนริบอกพลางเอื้อมจับมือของหลานชาย หวัง จะให้เด็กหนุ่มข้างกายคลายกังวล


อิ คุพยักหน้า


ขอบคุณนะครับ”


ก่อนจะหลบสายตา มรกตคู่สวยหม่น สิง


ผมสร้างปัญหาอีกแล้วใช่ไหม"


“ทำไมถึงมีแต่ผมที่เป็นแบบนี้ล่ะครับ”


“ทำไมผมถึงไม่เหมือนคนอื่น”


อิซึคุร้องถาม น้ำเสียงปวดร้าว มือเข้ากันแน่น


“เวลาที่มองเพื่อน ๆ ถึงจะอยู่ข้าง ๆ กัน แต่บาง ครั้งก็รู้สึกเหมือน ผมกับพวกเขาอยู่กันคนละโลก


“เพราะผมเป็นแบบนี้ เพราะผมไม่เหมือนพวก เอา เพราะผมแตกต่างจากพวกเขา"


บางทีผมก็คิดว่าตัวเองไม่ใช่คน ผมมันเป็นตัว ประหลาดจริง ๆ 7


พูดบอกอย่างขมขื่น เด็กหนุ่มวัยใกล้ 18 ปลด ปล่อย ระบายความรู้อีกทีอัดอั้นในใจมาตลอด


โทชิโนริมองหลานชายตัวเองอยู่ตลอดเวลา


ยกมือไปจับใบหน้าของหลานชายอย่างอ่อนโยน แล้วบอก


"นิ หันมานี ฟังตานะ"


“หลานไม่ได้ประหลาด”


มรกตคู่สวยของเด็กหนุ่มค่อย ๆ หันมามองเขา พร้อมแววใสสะท้อนแสง เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา


“อย่าได้โทษตัวเองที่แตกต่าง


*ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องแย่ มันคือเรื่องปกติ – คนเราก็แตกต่างกันไปทุกคน


"ทุกความแตกต่างล้วนหล่อหลอมให้เราเป็นเรา”


ชายชราใจดีพูด พยายามจะให้กำลังใจอีซีคุ แต่ทุกคนไม่ชอบคนที่แตกต่างที่นา"


“ผมก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้”


เด็กหนุ่มกอดเข่า


ตารู้ดีว่าหลานเจ็บปวดมามา จากความแตก ต่าง และตาจะไม่โทษทีหลานรู้สึกแบบนั้น หลานไม่ได้ ทําผิดอะไร"


“สักวันนึงถ้าหลานไม่ได้เป็นเหมือนในตอนนี้แล้ว นั่นก็ไม่ได้แย่ แต่ตัวหลานเองในตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เช่น กัน


“สาอยากให้หลานเห็นตัวเองแบบที่ตาเห็นว่า หลานเป็นคนที่สุดยอดแค่ไหน อย่ามองตัวเองด้านสบ ขนาดนั้นเลยนะ"


หลานห่างไกลจากค้าค้านั้นมาก รู้ไหม”


ไม่เป็นไร


"ไม่ต้องรับ


ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับมัน แต่อย่าเกลียดตัวเอง ไปเลยนะ"


จับกรอบหน้าตกกระอย่างรักใคร่ นิ้วลูบไล้เช็ดน้ำ กาที่ใกล้จะใหลของเด็กหนุ่ม อิชิกุยบเข้ามือใหญ่หยาบ ของชายสูงวัย


“ขอบคุณครับ


กล่าวค้าขอบคุณจากใจจริง โทชิโนริยิ้มให้


“วันนี้ก็พักผ่อนเถอะ”


"ตาเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ไปอาบน้ำสี


อิชิคพยักหน้ารับ ลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม หมายมั่นจะ ไปอาบนํ้า -คุณตาของเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ใจดีและน่ารัก เสมอ เขาโชคดีมากจริง ๆ ที่มีคุณค่าอยู่ด้วย


แล้วเสียงเรียกก็ดังขึ้นอีกรอบ เด็กหนุ่มผมฟูหัน


คาท


หนุ่มน้อย ชิด


"ครับ?"


"ไปโรงเรียน....สนุกหรือเปล่า? "


คำถามที่ไม่คาดคิดถูกส่ง ดวงตาสีมรกตเบิกขึ้น นิดหน่อย พร้อมความเงียบจากเด็กหนุ่ม ราวกำลัง ครุ่นคิด


ใบหน้าตกกระ กยิ้มกว้าง ร้องตอบอย่างร่าเริง


“อือ สนุกมากเลยละ”


โทชิโนริมองอิชิค


ดวงตาสีท้องฟ้าฤดูร้อนวาวขึ้นด้วยหยาดน้ำสีไส


เมื่อครั้ง หลานชายวัยประถมถูกพามาฝาก เขา ยังจํามันได้แม่นยำา


“คุณตา- ผมไม่เอาแล้ว ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่ เอาแก้ว"


"ทุกคนที่นั่นเกลียดผม โรงเรียนเกลียดพบ คุณ ครู เพื่อน ๆ ทุกคนเลย ผม ผมไม่เอาอีกแล้ว"


เด็กหนุ่มตัวเล็กที่ร่างกายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล นั่งร้องไห้ปานจะขาดใจ แขนเล็ก ๆ ทอดเขาเอาไว้แน่น เสียงสั่นเครือของเด็กน้อยวัย 7 ปีคนนั้นกรีดหัวใจของ เขาเพียงแค่ได้ยิน โทชิโนริไม่ลังเลเลยที่จะช่วยรับเด็ก คนนี้มาดูแล


ก่นด่าสังคมรอบตัวของเล็กคนนี้อยู่ภายในใจ หนุ่มน้อยตัวแค่นั้นจะต้องผ่านอะไรมามากมายขนาด ไหน ถึงได้กรีดร้องและมีสภาพเช่นนั้น เขาไม่กล้า จินตนาการด้วยช้า


แต่มันต่างไปแล้ว


มรกตไร้แสงสะท้อนเมื่อ 11 ปีก่อนกับดวงตาสี เขียวใส ทอแสงเปล่งประกายในวันนี้


"โอ้วละ"


ตอบเพียงสั้น ๆ ขณะที่ใบหน้าผอมตอบของชาย รายกยิ้มกว้างจนตาปิด


อิชิคยิ้มกลับ


ความรู้สึกอืดอัดทีคับแน่นอยู่ในใจมาตลอดเริ่ม เบาบาง แม้ความคิดด้านลบพวกนั้นจะไม่ได้หายไปใน วันนี้วันพรุ่ง แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็สบายใจขึ้นมา


เด็กหนุ่มภาวนายอ อยากให้ช่วงเวลาที่มีความสุข เช่น วนเวียนอยู่ตลอดไป

สารรักที่ 7

     ทาเคชินั่งมองพระจันทร์ยามเที่ยงคืนจากริมหน้าต่าง      มือหนึ่งยกขึ้นมาเท้าคาง หยาดน้ำค้างคู่สวยสงบนิ่ง เหมือนกำลังจมลึกในความคิด      เ...