"พี่ฟุยุมิ"
เสียงใสดังขึ้น สองเท้าก้าวมายังบริเวณห้องครัว หลังยินเสียงกุกกักจากด้านใน หญิงสาวที่อยู่ก่อนแล้วชะเง้อหน้าออกมามองผู้มาใหม่แล้วส่งยิ้มให้
"อ้าว ฮารุโกะ อรุณสวัสดิ์จ้ะ"
ฟุยุมิร้องทัก
"จะไปโรงเรียนแล้วเหรอ กินข้าวก่อนสิ"
เอ่ยบอกเสียงนุ่ม มือสวยบรรจงปิดฝากล่องข้าว หลังจัดแจงมือกลางวันลงเบนโตะของผู้เป็นน้องเสร็จ จากนั้นก็เดินออกมาจากบริเวณครัว แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางของน้องสาว
"มองหาอะไรเหรอ ฮารุ? "
ถามคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนหาอะไรสักอย่างด้วยรอยยิ้มแห้ง ฮารุโกะไม่ตอบคำถามนั่นทว่าแนบหน้าลงกับพื้นแล้วมองลอดไปใต้โซฟา
“ถ้าเป็นคุณพ่อ ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ”
แล้วคุณพ่อก็คงไม่ไปอยู่ใต้เชฟาด้วย
"เปล่า หนูไม่ได้มองหาพ่อซักหน่อย”
ปฏิเสธแล้วก็ลุกขึ้นยืน เด็กสาวตัวเล็กหันมองผู้เป็นพี่สาวแล้วเอ่ย
"เห็นโปโปะหรือเปล่า?"
"โปโปะ?"
ฟุยุมิร้องทวนพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง
โปโปะ? โปโปะไหนกัน ฮารุหมายถึงอะไรกันแน่?
“เจ้าเหมียวที่หนูพามาด้วย"
ฮารุโกะตอบ หญิงสาวร้องอ๋อออกมาเบา ๆ
"ไม่เห็นเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า?"
"มันหายไปน่ะ"
ตอบทั้งที่ก้มมองใต้โต๊ะกินข้าวหาเจ้าหมียวขนดำขลับอยู่
เอ๋?
"พอตื่นมา มันก็ไม่อยู่แล้ว”
เด็กสาวบอกเสียงเบาเจือความเศร้าไว้นิดหน่อย ฟุยุมิในชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนมองน้องสาวด้วยสายตาสะท้อนใจ
คงจะเหงาสินะ
จะต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้คนเดียว จะเหงาก็คงไม่แปลกหรอก
ที่ไม่อยากจะไปอยู่ด้วย เพราะไม่อยากจะสร้างภาระให้กับพี่สาวที่พึ่งออกเรือน แล้วก็ยังเป็นห่วงพ่อที่จะต้องอยู่คนเดียว
คิดแบบนั้นขระที่ความรู้สึกเริ่มเพิ่มพูนขึ้นมาในอกอีกครั้ง หญิงสาวจดจ้องเด็กสาว ดวงตาสีเดียวกันกับฮารุโกะอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก
"บางที...คงจะกลับไปบ้านแล้วล่ะมั้ง”
“ยังไงก็ไม่ใช่แมวเราตั้งแต่แรกนี่นา”
“ถ้าโชโตะอยากเลี้ยงแมว ลองขอคุณพ่อไหมละ?"
ฟุยุมิเสนอขึ้นมา ทว่าท่าทีที่ซึมลงไปของน้องสาว ทําเอาคนเป็นพี่สาวใจกระตุก
"ไม่ละ"
ปฏิเสธออกไปแบบนั้น ก่อนจะย้ายร่างกลับมายังห้องนอนของตัวเอง ฮารุโกะหรี่ตาลงเมื่อย้อนนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของผู้เป็นพี่
อยากเลี้ยงแมวที่ว่าหมายถึง- หาแมวตัวใหม่มาแทนงั้นเหรอ
มันไม่เหมือนกัน
พอคิดถึงเจ้าเหมียวขนดำที่หนีหายไปความรู้สึกเศร้าปนเหงาก็เอ่ออยู่ในอก ฮารุโกะจำไม่ได้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน แต่เมื่อลืมตาตื่นมาโปโปะก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาแล้ว
เด็กสาวถอนหายใจพะแผ่ว มือเรียวสวยคว้ากระเป๋านักเรียนเมื่อเห็นเข็มนาฬิกาบอกเวลาบนฝาผนัง ไม่ลืมสำรวจตัวเองหน้ากระจกยาวตั้งพื้นเป็นรอบสุดท้าย พอคิดว่าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากหน้ากระจก หมายจะหยิบของที่ตนเก็บได้เมื่อวาน ฮารุโกะจําได้ว่า วางมันไว้ไม่ไกลจากโต๊ะของเขา
แล้วดวงตาเขียวขจีใสคู่สวยก็ชะงักกึก
หายไป?
หันซ้ายขวามองหาของที่ควรจะอยู่ตรงนี้ ทว่ากลับไม่เจอเลยแม้แต่เงา
กระเป๋าและรองเท้าของคุโระคุงที่วางอยู่ตรงนั้น มันหายไป
ทาเคชิหลังรวบรวมสติ
เด็กหนุ่มตัวสูงยืนหายใจเข้าออกมานานนับสิบนาทีได้แล้ว ดวงตาหยาดน้ำค้างลอบมองเด็กสาวดวงตาเขียวขจีใสที่นั่งอยู่ด้านในแล้วก้มหน้างุด พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมา ใบหน้าของเด็กหนุ่มเจือสีระเรื่อ
เพราะเมื่อวานแท้ ๆ !
เพราะเรื่องเมื่อวานแท้ ๆ เลย
ทำเอาไม่กล้าแม้แต่จะสู้หน้า ให้ตายเถอะ
บ่นงุบงิบอยู่ในใจ เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่เขาดันโชคไม่ดี- กลายร่างเป็นแมวตอนอยู่ด้านนอก แล้วก็ถูกคนที่ชอบอย่าง มาซากิ ฮารุโกะ เก็บไปเพราะเข้าใจว่าเป็นแมวจร ซ้ำร้ายนอกจากจะโดนจับอาบน้ำแล้ว คนตัวเล็กนั่นยังนอนกอดเขาไว้ทั้งคืนไม่ยอมปล่อยอีก!
จะหลับน่ะไม่ว่า แต่อย่ามากอดได้ไหม หัวใจผมจะวาย
เพราะแบบนั้นกว่าจะหลุดออกมาได้ก็ตอนที่กลับร่างเป็นคนแล้ว
โชคดีแค่ไหน ที่เธอไม่ตื่นแล้วก็ไม่มีใครเห็น
"อ๊ะ...!"
ทาเคชิร้องออกมาพร้อมสะดุ้งเฮือก เด็กหนุ่มผมดำกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ
เผลอสบตาเข้ากับคุณมาซากิเข้าซะได้ แถมดูเหมือนกำลังจะลุกเดินมาทางนี้ด้วย
พอเห็นคนตัวเล็กกำลังเดินตรงมา เด็กหนุ่มตัวสูงรีบเดินไว ๆ ไปอีกทาง หลีกเลี่ยงการประจันหน้ากับเด็กสาวที่เขาแอบชอบ ที่ช่วงนี้เหมือนพระเจ้าจะให้พวกเขาโคจรรอบกันเหลือเกิน
แย่แล้ว แย่แล้ว นี่มันแย่แล้ว!
“อรุณสวัสดิ์ ทาเคชิคุง”
จนเสียงใสของริโกะร้องทักขึ้นประหนึ่งได้ยินเสียงสวรรค์ ทาเคชิหันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว พยายามส่งรอยยิ้มกว้างไปให้ เตือนตัวเองอยู่ในใจให้มีสติ อย่าล่ก!
"อรุณสวัสดีครับ คุณคานาเอะ"
ตอบรับขณะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง พยายามอย่างมากที่จะไม่ลนลาน แต่เหงื่อเม็ดโตที่ไหลลงบนกรอบหน้าดูเหมือนจะขัดแย้งกับสิ่งที่เขากำลังทําสุดๆ
"มีอะไรหรือเปล่า?"
"แบบว่าเธอดูแปลก ๆ"
ริโกะเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติจากเพื่อนสนิท ทาเคชิทำตาโต พัลวันโบกมือยุ่งเหยิง ส่ายหน้าปฏิเสธ
"แปลก? ผ- ผมเหรอครับ"
“ไม่แปลกเลยครับคุณคานาเอะ ไม่เลยซักนิด! ผมปกติดี ปกติดีทุกอย่างเลยครับ"
“แปลกตรงไหนกัน คุณคานาเอะนี่ละก็...คิดมากเกินไปแก้ว"
เด็กหนุ่มพูดบอกรัวเร็วจนลิ้นพ้นไปหมด พอแอบชำเลืองมองไปด้านหลังเพื่อนสาวก็เห็นฮารุโกะกําลังเดินมา เหงือก็แตกพลั่ก นั่นยิ่งทำให้สติกระเจิง เข้าไปอีก
"ดูเหมือนจะไม่ใช่เลยนะ"
เด็กสาวหรี่ตาพร้อมทำปากงอ อิชิคยิ้มแห้ง หยาดน้ำค้างคู่สวยมองใบหน้าเพื่อนสนิทสลับกับคนที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“งั้นเหรอครับ..."
"แต่ผม...ปกติจริงๆ นะ!"
พูดแบบนั้นแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อฮารุโกะมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังของเด็กสาวตัวเล็กเพื่อนสนิทของเขา ใบหน้าเล็กเป็นยังคงเรียบนิ่งและเฉยชาเหมือนที่ทาเคชิจำได้
นี่สิ มาซากิ ฮารุโกะ ยามปกติ
เมื่อวานน่ะ อย่างกับไม่ใช่ มาซากิ ฮารุโกะ
"ทา-เค-ชิ-คุง"
ริโกะเอ่ยเรียกเสียงเข้ม ขณะที่ทาเคชิเหงื่อแตกพลั่ก และเริ่มอยู่ไม่สุข
อยู่ไม่ได้แล้ว เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว! ถ้าอยู่ต่อล่ะ เขาต้องตายแน่ ๆ ต้องหนี ต้องหาทางหนี
"คุณคานาเอะคือว่า คือว่า หวา"
ทาเคชิตัดสินใจจะหนี การปลีกตัวออกไปจนกว่าคาบเรียนแรกจะเริ่มก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว อย่างน้อยมันก็ทําให้เขาหลุดพ้นจากสถานการณ์แบบนี้ล่ะนะ!
แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจ
เมื่อมาซากิ ฮารุโกะยืนขวางทางหนีของเขาเอาไว้
"คุโระคุง"
เสียงใสที่เรียบนิ่งดังเรียกพร้อมใบหน้านิ่งๆ นั้นทำเอาทาเคชิขนลุกวาบ
โธ่เอ๊ย อย่ามาขวางทางนะครับ ออกไป ออกไปก่อนนะครับ
ทาเคชิคร่ำร้องในใจ พูดตามตรงว่าตอนนี้อยากจะแกล้งทำตัวสั้น ร้องไห้ดัง ๆ แล้วก็วิ่งหายไปเลย
แต่คงทำไม่ได้สินะ ฮื่อ ให้ตายเถอะครับ
"ค...คุณมาซากิ อรุณสวัสดิ์ครับ"
พยายามทำใจดีสู้เสือ ส่งยิ้มกว้างพร้อมเอ่ยทักทายออกไป แม้ตอนนี้เขาอยากจะกรีดร้องโหยหวนมากก็ตามที
"มีเรื่องจะคุยด้วย ช่วยตามมาหน่อยได้ไหม"
ฮารุโกะบอกด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ส่วนทาเคชิพร่ำบอกตัวเองให้ใจเย็น
อย่าล่ก เข้าใจไหม คุโระ ทาเคชิ อย่าล่ก!
"เอ๋? คือว่าผม...คุยกับผมเหรอครับ?"
เด็กหนุ่มผมดำทวนถามออกไปเสียงใส มือยกขึ้นชี้เข้าหาตัวเองน้อย ๆ ก่อนอีกฝ่ายจะพยักหน้าตอบรับคำถามนั่นพร้อมส่งเสียงตอบรับเบา ๆ “ใช่”
“อ่า ผม..ผม..."
ดวงตาเขียวขจีใสที่มองมาอย่างจริงจังนั่นทำเอาคิดอะไรไม่ออก ยิ่งพยายามคิดมากเข้า ในหัวก็ยิ่งหมุนติ้ว คิดอะไรไม่ออก เหมือนวงจรความคิดถูก สับสวิตช์ปิดเสียอย่างนั้น
บอกออกไปตรงๆ เลยว่าไม่อยากไปได้ไหมนะ
นั้นสิ บ- บอกไปเลย ให้จบๆ กันไป
“ทาเคชิคุง อาจารย์ฝากเรียกให้ไปช่วยเตรียมของสำหรับคาบปฏิบัติการน่ะ"
“อะ มาซากิคุงอยู่นี่เองเหรอ คานาเอะคุง อรุณสวัสดิ์"
แต่ยังไม่ทันที่ทาเคชิจะพูดตอบกลับ เสียงของหัวหน้าห้องอย่างไดจิ เคียวสุเกะก็ดังเรียกขึ้นมาเสียก่อน หยาดน้ำค้างคู่สวยเป็นประกายเหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์
ขอบคุณ! ขอบคุณนะไดจิคุง
“อย่างงั้นเหรอไดจิคุง ขอโทษที่ต้องให้มาตามนะ!"
“อืม—ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปแล้วละ ขอตัวก่อนนะครับคุณคานาเอะ คุณมาซากิ"
ว่าจบก็ลุกขึ้นพรวดทันทีราวกับรอโอกาสนี้มาเนิ่นนาน เดินปรี่ตามไดจิออกไปไว ๆ ทิ้งให้เพื่อนร่วมห้อง สองคนยืนงงอยู่ตรงนั้น
ฮารุโกะหันมองริโกะ หญิงสาวไหวไหล่น้อย ๆ แทนคําตอบ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง
ได้ยินเสียงถอนหายใจดังจากเด็กสาวตัวเล็ก
ดวงตาเขียวขจีใสมองตามเจ้าของเรือนผมสีนิลไป พร้อมขมวดคิ้ว
มาซากิ ฮารุโกะ เริ่มจะหงุดหงิด
ไม่สิ ต้องเรียกว่าหงุดหงิดแล้วถึงจะถูก
หงุดหงิด-ที่ถูกหลบหน้า
"คุโระคุง คือว่าขอคุยด้วยหน่-"
"อ๊ะ สวัสดีครับ ค..คุณมาซากิ วันนี้อากาศดีเนอะ อื้อ ผมไปก่อนนะ ไว้เจอกัน"
เสียงนุ่มใสที่ดังปัดบทสนทนาของเธอก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งหนีไปไวๆ ยังไม่ทันจะหยุดฟังสิ่งที่เธอจะเอื้อนเอ่ยต่อเลยแม้แต่น้อย
น่าหงุดหงิด
ขนวดคิ้วก่อนจะพ่นลมหายใจ
ฮารุโกะรู้ตัวดีว่าตอนนี้เธอค่อนข้างจะ- ไม่คงที่
ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายภายในครอบครัว บ้านหลังเดิมที่เคยมีพี่สาวอยู่ด้วยตอนนี้กลับกลายเป็นว่างเปล่า แม้ปากจะบอกไม่เป็นไรแต่ในใจลึกมันก็รู้สึกโหวงเหวง มิหนำซ้ำเจ้าเหมียวตัวเล็กที่หมายมั่นจะเก็บมาเลี้ยงก็ดันหนีหายไป
รู้ดีว่าภายในใจของตนตอนนี้ค่อนข้างจะขุ่นมัวอยู่เป็นทุนเดิม
แต่นี่มันก็น่าหงุดหงิดจริงๆ
“คุโระคุง คือว่า...”
“คุณมาซากิ ขอโทษนะ อาจารย์ไอซาวะเรียกน่ะ”
"ไว้ค่อยคุยกันนะครับ"
เอ่ยพร้อมโบกมือหยอย ๆ เป็นเชิงบอกลา แม้จะเข้าไปประจันหน้าแต่ก็รีบหาทางหลบเลี่ยง เด็กอนุบาลมาเห็นก็คงรู้ว่าไอ้ไว้ค่อยคุยที่ว่านั่นของอีกคนมันไม่มีอยู่จริง
แต่ดูก็รู้น่าว่าเธอกำลังโดนหลบหน้าอยู่ และนี่ก็เข้าวันที่สามแล้วที่ คุโระ ทาเคชิ พยายามจะหลบหน้าเธอ
เจอกันครั้งหน้าก็คงหาเรื่องหลบหน้าแบบนี้อีกนั่นละ
เพราะงั้นวันนี้ฮารุโกะจะไม่ปล่อยให้ทาเคชิหลบหน้าเธอได้อีกต่อไปแล้ว
"มากับฉันหน่อยได้ไหม คุโระคุง"
"ค- คุณมาซากิ ผมต้องไปช่วยอาจารย์ไอซาวะ เตรียมแล็บแล้ว"
"ขอโทษนะ"
อีกครั้งที่บทสนทนาถูกปัดอย่างไร้เยื่อใย ฮารุโกะคิ้วกระตุกอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าเล็กบึ้งบูด ด้วยไม่ได้พูดเรื่องที่ค้างคาในใจกับเพื่อนร่วมห้องตัวสูงนั่นเสียที
คําขอโทษ...
และคำถาม
คําถามที่ว่าทำไมกระเป๋าและรองเท้าของอีกคนที่เธอเก็บได้ในวันนั้น ถึงมาอยู่ที่เจ้าของอย่างทาเคชิได้โดยที่เธอไม่ได้เอามาคืน
ก็แค่จะคุยด้วย
ไม่เข้าใจเลยว่าทําไมต้องหลบหน้ากันถึงขนาดนั้น
"คุโระคุง!"
เอ่ยเรียกเสียงดังพร้อมคว้าข้อมือของคนผมดำมาจับเอาไว้ ใบหน้าเด็กหนุ่มที่หันมาดูเหลอหลาและตกใจไม่น้อย
"คุณมาซากิ ผมต้องไปแล้วจริง ๆ ครับ "
ทาเคชิ ลนลาน กระอักกระอ่วนขณะกำลังพูดตัดบทสนทนาอย่างที่เคยทำ หากแต่ว่าคราวนี้ฮารุโกะไม่ยอมแพ้ รีบเอ่ยขัดขึ้นมาบ้างก่อนที่อีกคนจะพูดจบ
"แค่สามนาที"
"แค่สามนาทีก็พอ ขอฉันคุยด้วยหน่อยเถอะนะ”
"แล้ว...คุณมาซากิมีเรื่องอะไรอยากคุยกับผมล่ะ?"
ทาเคชิถามขึ้นขณะยกมือลูบท้ายทอยอย่างประหม่า หยาดน้ำค้างสีสวยกวาดมองไปทั่ว บริเวณดาดฟ้าที่ไม่มีใครอื่น
หรือว่าความจะแตกแล้วจริง ๆ
"วันก่อนที่ฝนตกหนัก..."
ฮารุโกะเริ่มเปิดปากเล่า กุมมือตัวเองอย่างหลวมๆ พร้อมกับมองคนตัวสูงกว่าที่อยู่เบื้องหน้า ขณะที่ทาเคชิลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเบาๆ อย่างเป็นกังวล
“ฉันเจอกระเป๋าและรองเท้าของนายวางทิ้งอยู่กับพื้นที่ซอยมืด ๆ ซอยนึง"
"เพราะเห็นว่าเป็นของนายก็เลยเก็บกลับไป ตั้งใจจะเอามาคืนให้ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น"
เว้นช่วงพูดไปแล้วหรี่ตาลง ทาเคชินิ่งชะงัก ชั่วขณะนั้นใบหน้าเด็กหนุ่มตกใจไม่น้อย
"แต่พอตื่นมา ของมันก็หายไป"
"ใช่ มันมาอยู่ที่นาย"
"มันมาอยู่กับนายได้ยังไง? "
น้ำเสียงจริงจังเอ่ยถาม ดวงตาหยาดน้ำค้างของทาเคชิเบิกกว้าง
-ราวกับว่าพึ่งตระหนักเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
จริงสิ เขาเองก็ลืมนิกไปเลย
เพราะวันนั้น....ตอนที่กลายร่างกลับเป็นคนก็มัวแต่ลนลาน-
ลมแรงที่พัดจนหน้าต่างเปิด เขาที่ผล็อยหลับไป เพราะความเหนื่อยอ่อน สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหน้าต่างดังสนั่น ขณะที่ร่างกายโดนฮารุโกะกอดไว้แน่นเหมือนหมอนข้าง โชคดีแค่ไหนที่อีกฝ่ายหลับสนิท ไม่ได้ตื่นมาด้วย
กว่าจะแกาะตัวเองออกมาจากแขนของเด็กสาวได้ก็แทบแย่ แล้วตอนที่หนีออกมา ก็ดันหยิบกระเป๋าและรองเท้าของตัวเองติดมาด้วยซะได้
เพราะมัวแต่ลนลานก็เลยพลาด
ลืมไปเสียสิ้นว่าตัวเองตั้งใจไว้ว่าอย่างไร
แล้วเขา...จะทํายังไงดีล่ะ!
จะให้บอกไปตรงๆ ? โถ่เอ๋ย หายนะพอดี ซ้ำจะโดนคิดว่าเป็นคนเพี้ยนอีก
แต่ถ้าเกิดเชื่อ- ก็คงจะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด
ใช่
เป็นตัวประหลาด
เหมือนกับที่เคยเป็นมา
ทาเคชิหมัดแน่น หยาดน้ำค้างคู่สวยสั่นระรัวในความเงียบงัน
ไม่เอา
ไม่เอาอีกแล้ว
ถ้าโดนรู้เข้า ทุกอย่างก็จะช้ำรอยเดิม
และเขาก็จะต้องหนีอีกครั้ง
เรื่องแบบนั้น ไม่เอาอีกแล้ว
“คุณมาซากิ...”
เอ่ยเรียกอีกคนเสียงแผ่ว ทาเคชิมองหน้าคนตัวเล็ก ก่อนระบายรอยยิ้มปนความงุนงงเอาไว้กลับไปให้
"เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันน่ะ"
"ผมไม่รู้เรื่องเลยสักนิค"
"กระเป๋า? รองเท้า? เก็บได้? นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันครับ"
ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนตอนนั้น ตอนนี้ก็ต้อง โกหก ต้องโกหกเท่านั้น เป็นเพียงทางเดียวที่เขาพอจะคิดออก
ทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น
เขาไม่ได้รับรู้
ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น
“หมายความว่ายังไงกัน”
“แต่ฉันมั่นใจว่าของพวกนั้น ที่ฉันเก็บมามันเป็นของคุโระไม่ผิดแน่ ๆ"
ฮารุโกะหมุนคิ้วอย่างไม่เข้าใจ มือเรียวคว้าจับข้อมือสองข้างของคนผมดำเอาไว้เหมือนจะคาดคั้นคำตอบ มันไม่มีทางที่จู่ ๆ ของจะหายไปหรือเคลื่อนย้ายได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว และเธอก็มั่นใจว่าเขาหยิบกระเป๋าและรองเท้าที่เจอกลับมาด้วยแน่นอน
เธอเอามันกลับมา
พร้อมกับเจ้าเหมียวตัวนั้น.....
"พอเถอะครับ"
"ไปกันใหญ่แล้วนะครับ คุณมาซากิ"
ทาเคชิแกะมือของอีกคนออก คนตัวเล็กยังดูงงๆ กับการกระทํานั่น หยาดน้ำค้างคู่สวยมองหน้าคนตัวเล็กก่อนจะยิ้มออกมา
"กระเป๋ากับรองเท้าของผม มันก็ต้องอยู่ที่ผมสิครับ"
“คุณมาซากินี่แปลกคนนะครับ ผมต่างหากล่ะที่ต้องถามว่ารู้ได้ ยังไงว่าของพวกนั้นเป็นของผมน่ะ”
“ผมไม่ได้ไปซอยมืด ๆ อะไรนั่นด้วยครับ"
เด็กหนุ่มพูดอย่างยิ้มๆ แต่ดวงตานั่นกลับไม่ได้ยิ้มตาม ถึงเขาจะรู้สึกแย่ที่โกหก
แค่ไม่มีใครรู้ตัวจริงของเขาก็พอ
นอกนั้นจะอะไรก็ช่าง ไม่อยากเป็นเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว
สิ้นเสียงของคนตัวสูง ความเงียบก็โอบล้อมเข้ามาคลุม ฮารุโกะยังไม่เข้าใจคนตัวสูง ยังอยากที่ต้องการคำตอบ แต่ที่แน่ๆ เธอรู้ว่าเขามีเรื่องที่ไม่อยากบอก เธอเลยเลือกที่จะไม่คาดคั้น
"แล้วทําไมนายถึงต้องหลบหน้าฉันด้วยล่ะ ตลอดสามวันมานี้
เอ่ยถามด้วยท่าทีอ่อนลง ทาเคชิหลบสายตาที่จดจ้องมานั่นก่อนร้องตอบด้วยความขื่นขม
"เพราะผมไม่อยากยุ่งกับเธอครับ"
"ผมอยากให้เราต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมครับ"
คนตัวสูงบอกพร้อมสีหน้าเจ็บปวด ก่อนเสียงทุ่มนุ่มจะเงียบไป ฮารุโกะตอนนี้เหมือนเธอจะช็อคหน่อยๆ ไม่เคยคิดว่า เธอจะได้ยินคำพูดนี้จากเพื่อนร่วมห้อง
วันนี้ อ่อนไหวเลยนะ
แต่ช่างมันสิ
แค่กลายเป็นแมวทุกเย็นมันก็เหนื่อยพอแล้ว ทำไมต้องมาเหนื่อยกับอะไรแบบนี้อีก
พอทีเถอะ
“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“จากนี้เราสองคนก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ"
พูดจบก็เดินหายไปจากกรอบสายตาทิ้งไว้เพียงเธอ ท้องฟ้าฤดูร้อนกับความเงียบงันที่เข้ามาเกาะกุมในจิตใจ
คนตัวเล็กเอนหลังพิงกับรั้วของดาดฟ้า ยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเบา ๆ ดำดิ่งลงไปในห้วงความคิดของตัวเอง
เธอมั่นใจว่าไม่ได้ไปทำอะไรให้ทาเคชิต้องโกรธ หมอนั่นก็คือเพื่อนร่วมห้องคนนึงที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกัน
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เกลียด
และไม่ได้ไม่ชอบ
สิ่งที่เธอได้รับรู้เกี่ยวกับทาเคชิ คือคนคนนั้น อ่อนโยน.... และใจดีจนน่าประหลาด จนน่ากลัวจะโดน นิสัยนั่นกลับมาแว้งกัด
ทั้งเรื่องชอบช่วยลูกแมวที่ติดอยู่บนทีสูง เรื่องที่ยอมรับตำแหน่งรองหัวหน้าเพราะไม่มีใครอยากไต้ เรื่องที่ยอมให้ความช่วยเหลือทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะขอหรือไม่ก็ตาม
ถึงจะไม่ได้สนิทกัน แต่ฮารุโกะรู้
จากการเฝ้ามองทาเคชิมาตลอดสามปีที่ร่วมชั้นกัน
ไม่คิดว่าตัวเขาจะทำให้อีกคนรู้สึกอึดอัดแบบนั้น
“รู้แบบนี้น่าจะยอโทษก่อน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น