“ฉันมาแล้วเจ้าเหมียว"
เอ่ยทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง มือข้างหนึ่งถือชามอาหารมาด้วย ดวงตาเขียวขจีใสกวาดหาเจ้าเหมียวตัวเล็ก ก่อนจะพบแมวขนดำนั่งขดเป็นก้อนอยู่ตรงมุมห้อง
"เธอไม่กินนมฉันเลยขอให้พี่ฟุยุมิหาอะไรให้"
“เจ้านี่ กินได้หรือเปล่า? "
ว่าก็วางชามเนื้อปลาต้มสุกลงตรงหน้าเจ้าเหมียว ฮารุโกะย่อตัวลงนั่ง รอเจ้าแมวน้อยมากินอาหารที่นำมาด้วย ส่วนเจ้าแมวตัวน้อยที่ว่าน่ะ
ทาเคชินั่งเหม่อ จ้องกำแพงมาสักพักได้แล้ว
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครจับอาบนํ้าในร่างแมวมาก่อน...
อ้ากกก อับอายจนอยากเอาหน้ามุดดิน! ศักดิ์ศรีของผม ป้นปี้หมดแล้ว!
ฮื่ออ ที่นี่ผมจะเป็นสามีใครได้ ความเป็นชายผมโดนรับรู้ไปหมดแล้ว
“เจ้าเหมียว เป็นอะไรไป"
เจ้าของเรือนน้ำตาลเอ่ยอย่างงุนงงขณะจ้องเจ้าเหมียวขนดำที่ตอนนี้สะบัดบึงไม่แม้แต่จะเหลียวชายตามามองเธอ
“นี่ เจ้าเหมียว"
เด็กสาวยังเรียกต่อ
“เจ้าเหมียว...”
“หรือว่า...เธอโกรธฉันเหรอ? "
แล้วก็เอ่ยถาม
“ฉันจับเธออาบนํ้าแล้วก็ไม่ให้ออกไปด้านนอก"
ลิ้นเสียงของเด็กสาว ทาเคชิก็หันกลับไปมองคนตัวเล็กพร้อมส่งสายตาคาดโทษไปให้ เด็กหนุ่มในร่างแมวขนดำทำตางอนใส่คนที่จับเขาอาบน้ำเมื่อครู่นี้ ส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น
"โกรธจริง ๆ สินะ"
อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนทาเคชิรู้สึกขำขึ้นมานิด ๆ แต่แมวตัวน้อยก็ยังมิวายปั้นหน้างอใส่เด็กสาว แน่สิ ใครให้เธอจับผมอาบนํ้ากันละ!
“เจ้าเหมียว...”
เอื้อมมือมาเหมือนจะอุ้ม เจ้าก้อนขู่แฟ่พร้อมถอยกรูดชิดกําแพง
ไม่ให้จับ! ไม่ต้องมายุ่ง
ทาเคชิในร่างเจ้าเหมียวส่งเสียงขู่พร้อมพองขน ใช่ ตอนนี้เขากำลังโกรธ! ถึงคุณมาซากิจะไม่รู้ก็เถอะว่าเป็นผม ผมเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ก็จริง แต่ผมก็เป็นคนนะ! เป็นผู้ชายด้วย! ผมงอน! ผมโกรธ!
“..ฉันขอโทษ”
เสียงเด็กสาวดังขึ้นหงอย ๆ หน้าของฮารุโกะสลดลง
พอเห็นอีกคนดูเศร้าแบบนั้นทาเคชิก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
“แต่ว่า..เธอตัวเลอะนี่นา ก็ต้องอาบนํ้าสิ"
“แล้วด้านนอกก็ฝนตก ฉันปล่อยเธอออกไปตากฝนด้านนอกไม่ได้หรอกนะ"
คนตัวเล็กบอกทั้งที่ยังทำหน้าหงอย ทีท่าของเจ้าเหมียวที่ขู่ฟ่อแฟ่ดูอ่อนลง หยาดน้ำค้างคู่สวยเงยขึ้นสบกับดวงตาเขียวขจีใสที่มองมา ความโกรธในใจค่อย ๆ จางหายไปทีละนิดทีละหน่อยจนหมด จะเหลือก็เพียงความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่ไปโกรธความหวังดีของฮารุโกะที่มีให้ตน
เมี้ยว-
ส่งเสียงร้องเบา ๆ ตอบรับคนตรงหน้า พลางเอาหัวเกยมือของอีกคนขึ้นมา
เด็กสาวที่เห็นว่าเจ้าแมวน้อยดูอารมณ์ดีขึ้นแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมาจาง ๆ
“หายโกรธแล้วเหรอ? "
“ขอบคุณนะ”
บอกพร้อมลูบหัวลูกแมวตัวน้อย ก้อนขนดำนั่งอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้อีกคนลูบหัว
“อะ จริงสิ ฉันให้พี่ฟุยุมิทำอะไรให้เธอกิน"
“เจ้านี่..เธอกินนี่ได้หรือเปล่า?"
เลื่อนชามอาหารเข้าไปหาเจ้าแมว ทาเคชิก้มมองเนื้อปลาบดชิ้นเล็กๆ กับผักต้มสุกสลับกับใบหน้าเล็กของฮารุโกะ
เขากลายร่างเป็นแมวมาเกินครึ่งชีวิต แต่ก็ยังไม่เคยกินอาหารในร่างนี้มาก่อน
อันที่จริงไม่อยากจะกินเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธนํ้าใจที่อีกคนอุตส่าห์หยิบยืนมาให้
เอาเถอะ มันก็ดูเป็นอะไรที่กินได้นะ
ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ใช่อาหารเม็ดน่ะ
นึกบอกตัวเอง เจ้าเหมียวก้มลงลิ้มรสอาหารที่อีกคนเอามาให้ ส่วนฮารุโกะระบายยิ้มออกมาอย่างยินดี
ทาเคชิเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาว ก่อนมือของเด็กสาวจะยื่นมาลูบหัวเขาอีกครั้ง
"กินเยอะๆ นะ”
เสียงใสแฝงความตื่นเต้นและดีใจดัง ทาเคชิแอบมุ่ยหน้ากับเขินๆ ไปพร้อมกัน โดนลูบหัวอีกแล้ว
แต่ถึงแบบนั้น ในใจกลับรู้สึกยินดีอย่างมาก
ฮารุโกะนั่งมองเจ้าขนดำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ คนตัวเล็กลุกไปเอาของที่ตัวเองหยิบติดมือกลับบ้านมาด้วย กระเป๋าสะพายสีข้างสีน้ำตาล
กระเป๋าอันมี คุโระ ทาเคชิ เป็นเจ้าของ
“กระเป๋าของคุโระคุง..."
“ทําไมถึงทิ้งกระเป๋ากับรองเท้าไว้แบบนี้นะ"
ว่าจบก็วางกระเป๋าลงกับพื้น ก่อนถือวิสาสะเปิดมันออก หญิงสาวส่งเสียงอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อ เห็นว่าของด้านในเปียกนํ้าไปหมด
เปียกไปหมดเลยแฮะ
นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถือวิสาสะหยิบของในกระเป๋าของเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ออกมา ทั้งสมุดโน้ต หนังสือ เรียน เครื่องเขียนต่าง ๆ ทาเคชิเงยหน้าขึ้นมาจากชามข้าวแมว มองคนตัวเล็กพลางกะพริบตาปริบๆ
กระเป๋าคงจะเปียกตอนที่วิ่งฝ่าฝนมาสินะ
ไม่ได้ติดใจอะไรที่หยิบของออกมาผึ่งให้หรอก จะปล่อยให้ของอยู่เปียก ๆ มันก็คงไม่ดี
แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ธุระของฮารุโกะนี่นา ปล่อยมันไว้เฉยๆ ก็ได้
ขณะที่ทาเคชิกำลังครุ่นคิด ฮารุโกะก็บรรจงแผ่สารพัดสิ่งอย่างที่อยู่ในกระเป๋า
"หรือจะว่าเกิดเรื่องอะไรกับคุโระคุงกันนะ"
พึมพำขณะที่มือก็วางผึ่งของเปียก ๆ ในกระเป๋าไปเรื่อย ๆ เด็กสาวมุ่นคิ้วเมื่อเห็นว่าสมุดโน้ตนั้นเปียกจนหมึกปากกาจางไปกับนํ้าหมดแล้ว
โดยปกติแล้วคุโระคุงก็ดูไม่ใช่คนที่จะวางของตัวเองทิ้งไว้ไม่เป็นทีแบบนี้ ยังไม่นับรวมยังนิสัยของคนผมดำที่ชอบไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องจนบางครั้งก็เจ็บตัวกลับมา— อย่างเช่นทีช่วยลูกแมวที่ติดบนต้นไม้นั่นไง
...แต่มันก็ไม่ใช่นิสัยที่แย่อะไรหรอกนะ
จะว่าไปแล้ว
รองเท้าเองก็วางทิ้งไว้ข้างนึ่งเหมือนรองเท้าหลุดเลยนะ
ดวงตาเขียวขจีใสนิ่งไปราวกับกำลังครุ่นคิด พอนึกได้แบบนั้นก็เกิดเป็นห่วงขึ้นมา รองเท้าถูกวางทิ้งเอาไว้แบบนั้น มันไม่ปกติเลย
ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ
ความคิดปนเปกับความเป็นห่วง หันไปมองลูกแมวตัวเล็กที่กำลังนั่งมองเธอตาแป๋ว
"เจ้าเหมียว ...เธอได้เจอคุโระคุงรึเปล่า"
ทาเคชิในร่างเจ้าเหมียวขนดำสะดุ้งโหยงขึ้นมา ตอนได้ยินชื่อตัวเอง เพราะเป็นแบบนี้เลยไม่สามารถตอบอีกฝ่ายได้ เลยทําได้แค่ส่งเสียงเหมียวกลับไปแห้ง ๆ
“คนที่ผมดำ ตาสีฟ้าเหมือนน้ำค้าง ตัวสูงพอประมาณน่ะ"
ว่าพร้อมทําท่าประกอบ มือเรียวสองข้างยุกยิกไปมาบนหัวหวังจะให้เห็นภาพผมดำเรียบๆ ที่ว่า ทาเคชิเอียงคอมองเด็กสาว
คุณมาซากิ— ทำอะไรน่ะ
พอเห็นท่าทีแบบนั้นของเจ้าเหมียว ฮารุโกะก็ค่อย ๆ ลดมือลงแล้วอุ้มก้อนขนสีเข้มขึ้นมาแทน
“ ขอโทษที ฉันนี่พิลึกใหญ่"
“ทำอย่างกับเธอจะตอบฉันได้"
ทาเคชิพริบตาปริบ อีกฝ่ายว่ามาแบบนั้นพลางวางเขาลงบนฟูกนอนญี่ปุ่นปูกับพื้น เด็กสาวตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ เจ้าเหมียว ลูบหัวเจ้าตัวเล็กไปมาอย่างเบามือ ทาเคชิตัวแข็งทื่อ รู้สึกเกร็งด้วยไม่ชินกับสัมผัสอ่อนโยนของมือที่ลูบไปมาอยู่บนหัว
เพราะตอนเป็นแมวแทบไม่เคยเจอใครนอกจาก คนในครอบครัว
ก็เลย- ไม่ค่อยโดนลูบหัวแบบนี้
“ลองขอเบอร์จากเคียวสุเกะแล้วโทรไปดีไหมนะ"
“อะ แต่มือถือก็อยู่ในกระเป๋านี่นา"
“บางทีอาจจะแค่ไปชักที่เฉย ๆ งั้นถ้ากลับมาจะตกใจที่กระเป๋าตัวเองหายแหง"
“ยังไม่ได้ขอโทษเรื่องตอนนั้นด้วยแฮะ"
พิมพัมเบา ๆ กับตัวเองพลางเหม่อมองเพดาน มือยังลูบหัวเจ้าแมวไม่หยุด ทาเคชิเลิกคิ้วขึ้นสูง พยายามจะเงี่ยหูฟังว่าอีกคนพูดอะไร แต่ก็เบาเสียจนไม่ได้ยิน
เจ้าเหมียวน้อยมองใบหน้าเล็กเป็นของเด็กสาวก่อนเบนสายตามองไปทางประตูที่ปิดไว้ เสียงหยาดฝนที่กระทบกับพื้นยังคงดังต่อ เนื่องบ่งบอกว่าอีกพักใหญ่กว่าฝนจะหยุดตก
ยังไงก็เถอะต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่
"ฝนยังไม่หยุด ยังออกไปไม่ได้หรอกนะ”
คนผมน้ำตาลว่า นอนเท้าคางมองเหมียวน้อย พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า มือลูบหัวเจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะนิ่งไปราวกับนึกอะไรบางอย่างออก
“จริงสิ เธอมีชื่อหรือเปล่า? "
ฮารุโกะเอ่ยถาม ทาเคชินั่งตาแป๋วมองอีกคนอย่างฉงน
ชื่อ— ก็ต้องมีอยู่แล้วละ ถ้าในร่างคนน่ะนะ
“อืม ถ้าเธอมีเจ้าของคงจะมีชื่อล่ะมั้ง"
“แต่จะเรียกเจ้าเหมียวต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้มันก็.."
ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิก่อนอุ้มเจ้าเหมียวขนฟูดำขึ้นมาพินิจ คิ้วสองข้างมุ่นเข้าหากันราวกับเจ้าตัวกําลังครุ่นคิดอย่างหนัก
"โปโปะเป็นไง?"
โปโปะ?
ทวนคําของอีกคนในใจ เสียงร้องเหมียวดังขึ้น เหมือนจะตอบโต้กับเด็กสาว ฮารุโกะมองเจ้าเหมียวตรงหน้าก่อนยิ้มออกมาน้อย ๆ
“ชอบไหม ถ้าจะเรียกเธอว่าโปโปะ”
ฮารุโกะถาม เด็กสาวดูคาดหวังหน่อย ๆ ว่าเจ้าเหมียวจะชอบชื่อที่เธอตั้งให้ คนผมดำเหลือบมองใบหน้าของเด็กสาว ดวงตาเขียวขจีใสเป็นประกายและมีชีวิตชีวากว่าที่เขาเคยเห็น รอยยิ้มเล็ก ๆ บนหน้าให้ความรู้สึกเหมือนดีใจที่ได้เล่นกับเพื่อน
“โปโปะ...ไม่รู้สิ แค่เห็นเธอแล้วรู้สึกชื่อนี้มันเหมาะกับเธอ ฉันคงเห็นเธอคล้ายแป้งโมจิสีดำมั้ง แต่โมจิอร่อยนะ อะ แต่ไม่ได้ หมายความว่าจะกินเธอหรอก”
“จะบอกว่าเป็นชื่อที่เหมาะน่ะ"
ว่าแล้วก็ส่งยิ้มให้ ทาเคชินิ่งงัน แมวเหมียวก้มหน้าลง
ความรู้สึกที่ชอบเธอคนนี้ ยิ่งชอบเธอขึ้นมาอีก ยิ่งได้เห็นมุมต่างๆ ของเธอ ยิ่งรู้สึกสนใจ ยิ่งอยากเข้าหา แต่ทุกครั้งก็ไม่กล้า มาซากิ ฮารุโกะ คุณทำอะไรกับผมกันแน่ ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งที่เจอเธอ จนตอนนี้ชอบแล้วชอบอีก จนไม่รู้จะชอบยังไงแล้ว
ทั้งมุมไร้เดียงสาปนน่าขัน อย่างเช่นเอาชื่อของโปรดมาตั้งชื่อแมว
มีมือที่อ่อนโยน มีรอยยิ้มชวนมอง และก็-
มีน้ำเสียงอ่อนละมุน
เฉกเช่นที่เขาได้ยิน ได้รับ และได้สัมผัสในวันนี้
หยาดน้ำค้างคู่สวยของเจ้าเหมียว-โปโปะ ดวงตาที่เหมือนกับคุโระ ทาเคชิยามเป็นมนุษย์เงยหน้ามองเด็กสาวภายใต้ใบหน้าเล็กที่เรียบนิ่ง ลึกลงไปในนั้นเหมือนกำลังตื่นเต้นและเฝ้ารอปฏิกิริยาตอบรับอยู่
....ทําเอารู้สึกผิดเลยนะเนี่ยถ้าจะปฏิเสธชื่อนี่
แต่ก็นะ
ลูกแมวขนสีดำมุดฝ่ามือของเด็กสาวเหมือนจะให้คำตอบ
ชื่อโปโปะมันก็ไม่ได้แย่อะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น