“โดนทิ้งเหรอเจ้าเหมียว.."
“เธอมีเจ้าของรึเปล่า? "
ฮารุโกะ หันมองหาผู้เป็นเจ้าของแมวเหมียวตัวเล็กนี้ ถึงแม้จะรู้คําตอบอยู่ในใจแล้วตามที ก็นะ แมวมีเจ้าของจะมาอยู่ในตรอกมืด ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน
"หรือว่าเธอจะหลงทาง? "
เด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยพร้อมยกตัวลูกแมวตรงหน้าขึ้นมา เพราะตรงนี้มีชายหลังคาให้หลบฝน คนตัวเล็กจึงวางร่มสีเข้มลงไว้กับพื้น ดวงตามรกตใสสบเข้ากับหยาดน้ำค้างคู่สวยของเจ้าก้อนขนก่อนจะเหลือบไปเห็นบางอย่างที่เจ้านี่นั่งทับอยู่เมื่อครู่
“นั้น.."
“กระเป๋าของคุโระคุง..?"
พึมพำเสียงแผ่ว คิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลกองอยู่กับพื้นข้าง ๆ กันมีรองเท้าผ้าใบขาวฟ้าข้างหนึ่งวางอยู่เหมือนมีใครถอดทิ้งไว้ วางเจ้าเหมียวในมือลงก่อนจะยกกระเป๋าสะพายเปียก ๆ ขึ้นมาพินิจ
ไม่ผิดแน่ นี่เป็นกระเป๋าของคุโระคุงแน่นอน รองเท้านั่นก็ด้วย
แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?
ทาเคชิในร่างลูกเหมียวชาวาบไปทั้งตัว เงยมองรองเท้ากับกระเป๋าของตัวเองในมืออีกคน อันที่จริงแล้ว— ถึงจะน่าแปลก แต่ตอนที่กลายเป็นแมว เสื้อผ้าทุกชิ้นหรือของทีถืออยู่กับตัวจะหายไปพร้อมกับกันเขาด้วย อ๋า ตอนรีบวิ่งมาที่ตรอกนี้ รองเท้าคงจะหลุดไปข้างนิงสินะ
เลื่อนสายตาไปมองคนตัวเล็กผมสีน้ำตาล ใบหน้าฉงน นั่นทําเอาเด็กหนุ่มอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ความจะแตกมั้ยล่ะเนี่ย! ใครมาเจอไม่เจอ ดันเป็นคุณมาซากิอีก! นี่มันแย่แล้ว แย่แน่!
ความแตกแน่!
“หรือว่าคุโระคุงจะมาเจอเธอนะ.."
"แล้วเขาไปไหนชะแล้วล่ะ? "
พอเห็นฮารุโกะหันมองหาตัวเอง (ในร่างมนุษย์) คนผมดำก็ได้แต่ตะโกนร้อง พร่ำบอกให้อีกคนทิ้งเขาไว้ตรงนี้ ไม่ต้องหันมาสนใจอะไร เพียงแค่ปล่อยเขาไว้แบบนี้ก็พอ อยากจะบอกฮารุโกะแบบนั้น ถึงมันจะออกไปแต่เสียงเมี๊ยวม๊าวก็เถอะ
แต่ผลลัพธ์ท่าจะตรงกันข้าม ดูเหมือนเสียงร้องของเจ้าแมวขนดำทําให้อีกคนเข้าใจไปอีกความหมาย ทาเคชิอยากจะโขกหัวตัวเองกับก๋าแพงสักที
มัวแต่ร้อนรนจนลืมคิดไปว่าคนปกตินะฟังภาษาแมวไม่ออก
“ช่วยไม่ได้นะ”
คนผมน้ำตาลเปรยเบา ๆ พร้อมหุบร่มทีกางไว้เก็บลงกระเป๋าของตัวเอง เด็กสาวสะพายกระเป๋าสีน้ำตาลไว้ที่บ่าข้างนึง ส่วนอีกข้างก็สะพายกระเป๋าของตัวเอง มือซ้ายถือรองเท้าผ้าใบขาวฟ้าของทาเคชิที่ถูกวางทิ้งไว้
ก่อนจะใบหน้าเล็กจะหันมาหาเจ้าแมวน้อย
“ไปบ้านฉันก่อนเถอะ อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง"
ย่อตัวลงพร้อมเอ่ยบอก
“คงจะต้องเปียกฝนสักหน่อย"
“แต่เธอก็เปียกอยู่แล้วนี่นา งั้นก็ "
ว่าจบก็ยื่นมือมาหมายจะอุ้มเขาขึ้น ทาเคชิในร่างแมวเหมียวถอยกรูด พร้อมส่งเสียงขู่ด้วยความตกใจ ไปบ้าน? อะไรกันล่ะนั้น นี้เธอคิดว่าเขาเป็น แมวจรจริง ๆ งั้นเหรอ! โถ่ ไม่ใช่สักหน่อย
อย่าพึ่งมายุ่งกับผมเลยคุณมาซากิ!
วางของทิ้งไว้แล้วแยกย้ายไปตามทางของตัวเองกันเถอะนะ นะ
ลูกแมวน้อยร้องระงมหวังจะสื่อออกไปให้อีกคนรู้ว่าไม่ต้องมายุ่ง คนผมน้ำตาลชะงักกึกกับการกระทําของเจ้าแมวตรงหน้า
“อะ ขอโทษนะ ทําให้กลัวเหรอ"
เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วพร้อมทําสีหน้าเจื่อน ๆ คงเพราะคิดว่าทําให้เขากลัว คนตรงหน้าที่กำลังจะเข้ามาอุ้มเลยดูเกร็ง ๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ในเวลาปกติ ทาเคชิคงแปลกใจกับมุมใหม่ ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นของเธอคนนี้
แต่ตอนนี้น่ะไม่ใช่!
เขาต้องหาทางหนีไปจากตรงนี้เสียก่อน เกิดโดนพาตัวไปบ้านคุณมาซากิขึ้นมา เขาคงแย่แน่!
ลองนึกถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือพ้นเที่ยงคืนไปแล้วกลายเป็นคนต่อหน้าคุณมาซากิ
จะให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
เอาละ ตัดสินใจแล้ว! วิ่งหนีออกไปเลยละกัน—
เอ๊ะ?
เมื่อตัดสินใจว่าจะวิ่งหนีไปจากตรงนี้ ทาเคชิก็ต้องชะงัก
รู้สึกว่าตัวเองกำลังวิ่งบนอากาศชะอย่างนั้น
ดวงตาหยาดน้ำค้างของเจ้าเหมียวกะพริบปริบเมื่อเด็กสาวอุ้มเขาขึ้นมา ก่อนจะระบายรอยยิ้มน้อย ๆ ส่งมาให้
“เธอไม่ต้องกลัวนะ เจ้าเหมียว"
"เอาละ ไปบ้านฉันกันเถอะ"
ฮารุโกะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไหล่ซ้ายของเด็กสาวสะพายกระเป๋าสีน้ำตาล มือข้างหนึ่งถือรองเท้าผ้าใบขาวฟ้าที่ถูกวางทิ้งไว้ ก่อนจะยกตัวเจ้าเหมียวขึ้นอุ้มพาดบ่า ใช้มือหนึ่งประคองขาหลังไว้เบาๆ ขนยาวสีดำของเจ้าแมวน้อยลู่ลงเพราะเปียกน้ำฝน
ทาเคชิไม่กล้าขัดขืนอะไรในอ้อมแขนของอีกคน เพราะกลัวจะเผลอทำให้หญิงสาวเจ็บ ทําได้เพียงปล่อยให้อีกคนอุ้มเขา (ในร่างแมว) กลับบ้านอยู่แบบนี้
แย่แล้ว นี่มัน...
จุดเริ่มต้นของสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!
กวาดสายตาไปทั่ว แต่แขนของเด็กสาวที่กอดเขาไว้แนบอกทําให้รู้ว่าตอนนี้คงไปไหนไม่ได้
ถ้างับแขนสักทีแล้ววิ่งหนีไปก็คงจะได้หรอก แต่ไม่อยากทําให้คุณมาซากิต้องเจ็บตัวนี่นา
เพราะงั้นตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทําได้เลย
ทาเคชิถอนหายใจ หยาดน้ำค้างคู่สวยของเจ้าเหมียวหันมองเด็กสาวน้อย ๆ ใบหน้าเล็กที่ไม่ว่าจะแสดงสีหน้าแบบไหนเธอก็ยังสวย ก็สมแล้วที่เป็นสาวสวยประจำห้อง แต่วันนี้ก็ไม่คิดเลยว่าจะเห็นเธอทำหน้าแบบอื่นนอกจากหน้านิ่ง
ใบหน้าเล็กหันมามองเขากลับแล้วยิ้มให้
สบตากันหน่อยๆ ก่อนจะเป็นทาเคชิในร่างเจ้าเหมียวหลุบตาหลบมาก่อน
คุณมาซากิ คุณจะมาทำให้ผมหวั่นไหวตอนนี้ไม่ได้นะครับ! รู้สึกหน้าตัวร้อนขึ้นมาเลยทั้งที่ยังเป็นแมวอยู่
อ่า คุณมันขี้โกงชะมัด
ทาเคชิก็รู้ว่านี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้ แต่รู้สึกเหนื่อยเสียจนคิดอะไรไม่ออก เพราะวิ่งมาตลอดทางแถมยังไม่ทันได้พักจนหายเหนื่อย ในหัวตื้อไปหมด ยังไงตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เพราะงั้นผมขอยืมบ้านพักสักหน่อยแล้วกันนะ
"กลับมาแล้วค่ะ”
“ยินดีต้อนรับกลับจ้ะ ฮารุ อ้าว? "
เสียงนิ่งดังขึ้นก่อนตามด้วยคำต้อนรับกลับเสียงหวาน หญิงสาวเรือนผมขาวแกมเทา มองน้องสาวของตัวเองอย่างตกใจ ไม่รู้จะตกใจเด็กสาวกลับมาบ้านในสภาพเปียกชกหรือจะตกใจที่พาเจ้าเหมียวกลับมาด้วยตัวนึงก่อนตี
"พี่ฟุยุมิ วันนี้กลับมาบ้านเหรอ"
เด็กสาวถามพร้อมวางเจ้าเหมียวลงบนพรมก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของตัวเอง พรมที่นั่งอยู่ดูราคาแพงจนทาเคชิไม่กล้าขยับเพราะกลัวจะทําเปื้อนแถมตอนนี้ตัวเขาเองก็เปียกอยู่ซะด้วยสิ
ดวงตาหยาดน้ำค้างเงยขึ้นมองรอบ ๆ ทั้งบ้านตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นทั้งประตู หน้าต่าง พรม แม้กระทั่งไฟบนเพดานยังเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ของแต่ละอย่างที่ตั้งโชว์อยู่ มีมูลค่าสูงจนผู้มาเยือนตัวน้อยเกร็งไปทั้งตัว
เด็กหนุ่มในร่างเจ้าเหมียวหันซ้ายขวาเตรียมหาทางหนีไปจากตรงนี้ ง่ายที่สุดก็คงออกทางประตู รอโอกาสที่หญิงสาวเผลอแล้วก็วิ่งพรวดออกไปเลย แต่ปัญหาก็คือกระเป๋ากับรองเท้าของเขานี่ล่ะ ตัวเขาในสภาพนี้จะเอาไปได้ยังไง
หรือว่าจะรอกลายร่างกลับแล้วค่อยแอบออกไปจากบ้านพร้อมกระเป๋าและรองเท้า นั่นก็เป็นความคิดที่ไม่เลว แต่เกิดมีใครมาเห็นเข้าละ แถมถ้ากระเป๋ากับรองเท้าหายไป คนตัวเล็กอาจจะสงสัยก็ได้ บางทีทางที่ดีที่สุดคือปล่อยของไว้แบบนี้ พรุ่งนี้อีกคนคงเอาไปให้เขาเองละมั้ง
แบบนั้นก็ต้องคุยกันน่ะสิ อ้า ไม่อยากคุยเลยคงต้องถามเรื่องกระเป๋ากับรองเท้าแน่ๆ แล้วตอนนั้นเราจะตอบว่าอะไรล่ะ
คิดเยอะจนปวดหัวไปหมด โธ่ คุณมาซากิ ทำไมต้องพาผมกลับมาด้วยเนี่ย!
"พี่แวะมาเอาของน่ะ เลยว่าจะค้างสักคืนแล้วค่อยกลับพรุ่งนี้"
ฟุยุมิตอบกลับคำถามของน้องสาว ดวงตาสีเดียวกันกับของฮารุโกะมองน้องสาวตัวเองที่กำลังไหว้แท่นบูชาที่มีรูปแม่ตั้งอยู่
"หนูกลับมาแล้วนะคะ แม่"
เด็กสาวกล่าวทักทายรูปมารดาตัวเองก่อนจะเดินไปวางรองเท้าผ้าใบขาวฟ้าในมือไว้ข้าง ๆ กันกับรองเท้าของเธอ
“แล้วนั้น..แมวใครน่ะฮารุ? "
ผู้เป็นพี่กล่าวถึงแมวที่น้องสาวตนพามา เจ้าเหมียวสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อรู้ว่าคนเป็นพี่ของเด็กสาวถามถึงตัวเอง ฮารุโกะค่อย ๆ อุ้มเจ้าก้อนขนขึ้นมาอย่างเบามือ
“ไม่รู้สิ คงเป็นแมวจรล่ะมั้ง หรือไม่ก็คงโดนทิ้งมา"
พูดพร้อมเดินเข้าไปในครัว เด็กสาวเอื้อมมือเปิดตู้เย็นก่อนหยิบของบางอย่างออกมา ทาเคชิไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่นัก ตอนนี้ในห้วงความสนใจของเขามีเพียงประตูบ้านที่ถูกปิดไปแล้วเท่านั้น
“แต่ไปเก็บแมวมาแบบนี้ จะดีเหรอฮารุ"
"บางทีเจ้าของเค้าอาจจะกําลังตามหาเจ้าเหมียวนี้ อยู่ก็ได้นะ"
“อาจจะติดโรคมาด้วย"
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“หนูเจอเด็กคนนี้อยู่ในตรอกมีด ๆ แถมยังตัวเปียกโชก จะให้หนูปล่อยทิ้งมันไว้แบบนั้นเหรอ"
“เรื่องโรค เดี๋ยวหนูจะจัดการพาไปตรวจเอง"
“ส่วนเรื่องเจ้าของ.."
"ถ้าเด็กคนนี้ยังมีเจ้าของอยู่จริง ๆ เดี๋ยวเราก็คงได้เห็นป้ายประกาศตามหาเองนั่นล่ะ"
ฮารุโกะตอบพร้อมใช้ศอกปิดประตูตู้เย็นเบา ๆ มือหนึ่งประคองเจ้าเหมียวที่พาดตัวอยู่บนบ่าของเขา อีกมือถือนมจืดไว้กล่องนึง ถ้าให้เดาก็คงเป็นสำหรับเจ้าลูกแมวตัวนี้นั่น
"ไว้ถึงตอนนั้นหนูจะเอาไปคืนกับมือเอง พี่ฟุยุมิไม่ต้องห่วงหรอก"
เอ่ยตัดบทสนทนาไม่ให้พี่สาวถามต่อ ฟุยุมิมอง น้องสาวที่เหมือนจะเริ่มหัวแข็งขึ้น? เดี๋ยวนี้เริ่มเถียงสู้แล้วเหรอ เธอแอบหัวเราะเบาๆ ก่อนที่น้องสาวจะถามถึงบิดาของพวกเธอ
“พ่อล่ะ?"
“ยังไม่กลับมาเลยจ้ะ"
ฟุยุมิตอบคำถามน้องสาว มองน้องสาวที่กำลังเทนมใส่จานให้เจ้าลูกแมว
“ไงสาวน้อย จะไม่ไปอยู่กับพี่จริงๆหรอ"
“ถ้าไปใครจะอยู่กับพ่อล่ะ ได้เฉากันพอดี"
ฟุยุมิหัวเราะกับคำพูดของน้องสาว ก็จริงอย่างที่น้องสาวเธอว่า ถ้าฮารุโกะมาอยู่กับฟุยุมิ มีหวังพ่อเธอคงได้เป็นต้นไม้ที่เฉาจนใกล้จะตาย
“พี่ทำข้าวแกงกระกรี่ไว้น่ะ"
“หนูเอาแค่แสนวิชดีกว่า”
เด็กสาวพูดพลางเปิดตู้เย็นควานหาแสนวิช กับหยิบนมเพิ่มมาอีกกล่องนึง ก่อนจะหันมาเตือนกิจวัตรต่างๆ ที่พี่สาวเธอน่าจะลืม
"อย่าลืมอุ่นข้าวไว้ให้พ่อด้วยนะ เช็ดก๊อกน้ำ ประตู หน้าต่าง"
"จ้าๆ"
"อ้อแล้วก็ มาเยี่ยมกันบ่อยๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวพ่อจะเฉาตายกับอย่าทำให้พี่เคียวเขาลำบากมากนะ"
เด็กสาวพูดหยอกพี่สาว ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้อง เพราะถ้าไม่หนีได้โดนฟุยุมิไล่ตีแน่ ฟุยุมิจะแต่งงาน เธอใกล้จะเริ่มชีวิตใหม่ มีครอบครัวกับคนที่รัก หลังจากนี้เธอกับพ่อเธอก็คงเหงาน่าดู ไม่สิ ต้องบอกว่า เหงามาก
เพราะพี่ชายอีกสองคนของฮารุโกะ ก็ออกจากบ้านหลังจากเรียนจบ ตอนแรกก็เงียบหน่อยๆ แอบโหว่งๆ แต่พอฟุยุมิไม่อยู่อีกคน ฮารุโกะก็ยิ่งรู้สึกหว้าเหว่
เธอเข้าห้องมาก่อนจะวางเจ้าเหมียวดำไว้บนพรมห้องตัวเอง แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนู ก่อนหย่อนตัวเองนั่งตรงหน้าเจ้าเหมียว อุ้มเจ้าขนดำที่เปียกลู่มาเช็คตัวให้แห้ง
ทาเคชิรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว
ไม่ว่าจะมารู้เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นหรือจะถูกจับมาเช็ดตัว
แต่ที่แน่ๆเขาจะทําเป็นไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน เรื่องครอบครัวของเธอละกัน แต่ดวงตาเขียวขจีใสของคนตรงหน้า มันกลับทำให้เขาไม่สนใจไม่ได้น่ะสิ
นัยน์ตาเขียวจขีใสที่ปกติจะต้องเรียบนิ่งและมั่นคง แต่ตอนนี้มันกลับสั่นไหว สีหน้าของคนตรงหน้าก็ดูเศร้าหมองอย่าปิดไม่มิด ทำไมเธอทำสีหน้าแบบนั้นนะ
เมี้ยว-
“อ๊ะ มีอะไรหรอ ทำไมเธอทำหน้าแบบนั้นหล่ะ"
ฮารุโกะพูดพร้อมหยุดมือที่กำลังเช็คขนเจ้าเหมียว ทาเคชิพึ่งจะรู้ตัวว่า เขายื่นอุ้งเท้ามาแตะที่แขนของเธอ ทำให้เธอต้องหยุดมือที่กำลังเช็ดตัวเขา
แต่ที่เขารู้ตอนนี้ เขาอยากปลอบเธอ ถึงจะรู้ก็เถอะว่านี่ไม่ใช่เวลา เขาควรคิดหาทางหนี แต่สีหน้าแบบนั้น ทาเคชิคิดว่ามันไม่เหมาะกับเธอสักนิด เหมือนเร็วเท่าความคิดอุ้งเท้าเล็กๆ ในร่างแมวเหมียวของเขา ยกขึ้นแตะที่หน้าของเธอ
"หืม ที่หน้าฉันมีอะไรหรอ ทำไมเธอทำหน้าเหมือนกังวลแบบนั้นหล่ะ อ๊ะ หรือว่าฉันทำสีหน้าเศร้าให้เธอเห็น ขอโทษนะ ฉันแค่รู้สึกเหงาน่ะ ในตอนนี้เหลือแค่ฉันกับพ่อแล้วล่ะที่ยังอยู่บ้านหลังนี้ ถึงฉันจะเข้าใจก็เถอะว่าพวกพี่ก็ต้องมีชีวิตขอตัวเอง แต่ฉันก็แอบเหงานะ"
"อะ ขอโทษนะ บ่นให้เธอฟังจนได้"
นี้เป็นครั้งแรกที่ทาเคชิได้เห็นมุมแบบนี้ของฮารุโกะ เขายื่นอุ้งเท้าแตะๆ สองทีตรงหน้าของเธอ พร้อมกับร้องเหมียวๆ ที่จริงแล้วเขากำลังพูดปลอบเธอ แต่เขาดันอยู่ในร่างแมวน้อย มันเลยมีแต่เสียงเหมียวๆ
คุณมาซากิ ระบายได้เลยนะครับ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังอยู่กับคุณตรงนี้
"อืม ขอบใจนะ มีเธอแล้วทำให้ฉันสบายใจขึ้นจัง"
ฮารุโกะ เอาหน้าแนบกับหน้าผากเล็กๆ ของเจ้าก้อนขนดำ ตอนนี้ทาเคชิรู้สึกว่าเหมือนตัวเองร้อนจนจะระเบิดแตกตัวได้ พอเถอะครับ! ตัวผมจะแตกแล้ว!
"อะ จริงสิ แปปนึงนะ"
เด็กสาวเหมือนพึ่งนึกอะไรออก ก็วางเจ้าเมียวไว้ที่พรมเหมือนเดิม ก่อนที่เธอจะหายเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้ทาเคชิถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาลองกวาดสายตาไปทั่วห้อง ขนาดในห้องนอนก็ยังตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่น
เรื่องราวของเธอ ทาเคชิพอจะได้ยินมาบ้าง ดูเหมือนว่าคุณมาซากิจะเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ของนักธุรกิจอย่างมาซากิ อะมาเนะ—
เพราะงั้นเลยยุ่งมากจนเลยเวลากลับบ้านมาหาลูกสาวงั้นเหรอ
อะ เผลอ ยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่นชะได้
แต่ว่านะตอนนี้มีเรื่องสําคัญกว่านั้นไม่ใช่หรือไงกัน ถึงจะอยากอยู่กับเธอเพราะยังเป็นห่วง แต่ถ้าพ้นเที่ยงคืนไปได้เป็นเรื่องแน่ เรายังไม่อยากเห็นสายตาที่มองผมว่าเป็นตัวประหลาด เพราะงั้น
รีบหันขวับมองประตูเลือนที่เชื่อมต่อไปสู่ภายนอกบ้าน นั่นละทางหนีของเขา! คิดได้แบบนั้นก็ไม่รอช้า วิ่งไว ๆ ไปนั่งจ้องอยู่ตรงหน้าประตูที่ปิดสนิท
อือ ประตูไม่ได้ล็อก โชคเข้าข้างแล้วสิ ที่เหลือก็แค่เปิดประตูออกชะ ถ้ากางเล็บออกมางัดประตูจะเปิดออกหรือเปล่านะ ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองดูกันสักตั้ง!
“อะ เจ้าเหมียว มาหาอะไรตรงนี้ล่ะ"
แล้วเสียงที่คุ้นเคยของเด็กสาวดังขึ้นขัด ทำเอาทาเคชิในร่างเจ้าเหมียวสะดุ้งโหยง เด็กสาวผมน้ำตาล เดินมาอุ้มก้อนขนดำขึ้น ก่อนจะมองไปยังประตูบานใหญ่ที่เจ้าเหมียวนั่งจ้องอยู่เมื่อครู่
“เธออยากออกไปด้านนอกเหรอ"
ฮารุโกะหันหน้ามาหา ทาเคชิตาเป็นประกาย ในที่สุดคุณมาซากิก็เข้าใจผมสักที เจ้าขนดำส่งเสียงร้องตอบรับอย่างเริงร่า ฮารุโกะมองเจ้าเหมียวสลับกับประตูด้วยสายตาลังเล
ทาเคชิในร่างเจ้าขนสีดำส่งสายตาวิงวอนให้คนตัวเล็กงัดไม้ตายเด็ดอย่างสายตาแป๋วๆ ออกมาใช้ค่อนข้างมั่นใจในไม้ตายที่ว่าพอตัวเลยละ
ก็ของมันแน่อยู่แล้ว จะเป็นเจ้าหญิงใจแข็งดุจหินมาจากที่ไหน แต่ใครจะไปทนสายตาอ้อนวอนของเจ้าเหมียวขนดำน่ารักๆ ได้ล่ะ!
“ขอโทษนะ แต่ไม่ได้หรอก"
เอ๊ะ?
สาวผมน้ำตาลเอ่ยเสียงอ่อยๆ เจ้าเหมียวทาเคชิเบิกตากว้างกับคําตอบที่ได้ยิน นี่มันอะไรกัน! ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเอาชนะสายตาพิฆาตของเขาได้เลยนะ ไม่มี! ไม่มีเลยสักครั้ง
“ด้านนอกยังฝนตกอยู่เลย แถมเธอเองก็ตัวเปียกซกขนาดนี้แล้ว"
"เดี๋ยวจะป่วยเอานะ ไม่ได้หรอก”
หญิงสาวเอ่ยก่อนจัดแจงล็อกประตูบานใหญ่ ทาเคชิได้แต่กรีดร้องในใจดัง ๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า
คนใจร้าย!
ไม่ให้ออกไม่พอ ยังมาล็อกประตูอีก! ใจร้าย!
คุณมาซากิ คนใจร้าย!
“ฉันจะพาเธอไปอาบน้ำไปกันเถอะ"
ว่าแล้วก็อุ้มเจ้าเหมียวขึ้นพาดบ่า สองขาเดินเข้าไปในห้องนํ้า ดวงตาหยาดน้ำค้างของเจ้าเหมียวน้อยเบิกโพลงยิ่งกว่าเดิม
อ-อาบนํ้า?!
ไม่! ไม่อาบ!
จะลง ไม่เอา! ไม่อาบน้ำ!
ถึงจะอยู่ในร่างแมว แต่ผมไม่ใช่แมวนะ!
เจ้าเหมียวร้องระงมพร้อมพยายามดิ้นตัวเองออกจากอ้อมแขนของหญิงสาว โดนอาบนํ้าให้นี่มันแย่ยิ่งกว่าโดนพามาบ้านอีกนะ! ถึงตอนนี้เขาจะเป็นแมวก็เถอะ แต่ผมก็คือผู้ชาย! ส่วนคุณเป็นผู้หญิง! มันไม่ได้!!
“อะ..อยู่นิ่ง ๆ เจ้าเหมียว”
“เดี๋ยวตกนะ”
เด็กสาวพูดก่อนจะค่อย ๆ หย่อนเจ้าเหมียวลงไปในอ่างอาบนํ้า ทาเคชิสะดุ้งเฮือกเมื่อขาป้อม ๆ ของตนแตะผิวน้ำ เขาดิ้นไปมา พยายามจะขัดขืนไม่ยอมให้อีกคนอาบนํ้าให้
"ทําไมล่ะ นํ้าเย็นไปเหรอ? "
คิ้วสองข้างก็มุ่นเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีขัดขืนของเจ้าเหมียว ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำร้อนเพิ่ม ให้อุณหภูมิน้ำในอ่างสูงขึ้น เมื่อคิดว่าอุณหภูมิน้ำได้ที่แล้วก็วางตัวลูกแมวขนดำลงไป
ขนสีดำลู่ลงเพราะเปียกน้ำ ฮารุโกะค่อย ๆ อาบน้ำ ให้เจ้าแมวน้อยอย่างเบามือ
ทาเคชิอยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอาย แต่ก็ทําได้แค่อยู่นิ่ง ๆ ให้คนตรงหน้าอาบน้ำให้
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกจับอาบนํ้าตอนเป็นแมว ให้ตายเถอะ อยากจะร้องไห้จริง ๆ แถมยังเป็นคุณมาซากิอีก!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น