“เจ้าเหมียวน้อย อยู่นิ่งๆ นะ"
เสียงทุ่มนุ่มของเด็กหนุ่มดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวกำลังพยายามสุดชีวิตในการปีนต้นไม้สูง ดวงตาสีหยาดน้ำค้างมองด้วยแววตาสั่นๆ เจ้าเหมียวน้อยที่ว่าส่งเสียงร้องดังลั่นไม่หยุด
“เข้าใจแล้วละ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องร้อง”
“ผมจะรีบช่วยเธอลงมาเอง"
เจ้าของเรือนผมสีดำเอ่ยกับลูกแมวที่ติดอยู่บนต้นไม้ พอคิดว่าตัวเองพอจะทรงตัวได้แล้วก็เอื้อมมือไปคว้าอย่างช้า ๆ พลันสายตาเหลือบมองไป เห็นพื้นด้านล่างก็เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าปีนขึ้นมาสูงตั้งขนาดนี้แล้ว
“ย..อยู่นิ่ง ๆ นะ”
ได้ยินเสียงสั่น ๆ ของตัวเองดังสะท้อนอยู่ในหู เด็กหนุ่มรู้สึกว่าขาตัวเองแข็งทื่อ แม้จะพยายามขับไล่ความกลัวออกไปจากหัว แต่ขาก็ยังมิวายสั่นเสียได้
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้จะต้องคว้าตัวลูกแมวตัวนั้นมาให้ได้เสียก่อน
มาถึงขนาดนี้แล้วจะมามัวกลัวได้ไงเล่า!
“นั่นละ เด็กดี”
"เอาละ— จับได้แล้ว!"
เด็กหนุ่มระบายรอยยิ้มกว้างเมื่อคว้าตัวเจ้าเหมียวมาได้อย่างที่ตั้งใจ กอดลูกแมวตัวนั้นเอาไว้แนบอก ก่อนจะกวาดสายตามองหาทางลงจากต้นไม้สูง
“แล้วทีนี้เราจะลงไปยังไงกันดี..."
“สูงชะมัดเลย..."
"ขึ้นมาสูงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"
"ให้ตายสิ คุโระ ทาเคชิ"
เอ่ยบ่นตัวเองเสียงแผ่ว สัมผัสได้ว่าทั้งร่างนั้นแข็งทื่อไปหมด ความสูงเมื่อมองขึ้นมาจากด้านล่างกับนั่งมองลงไปจากบนต้นไม้เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด
ตอนขึ้นมาก็ไม่คิดว่ามันจะสูงขนาดนี้
ทาเคชิ กลืนน้ำลายก้อนเหนียวลงคอ ตั้งสติกับตัวเองจับเจ้าเหมียวเอาไว้มั่น ก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปตามกิ่งไม้กิ่งใหญ่ด้านล่างที่เจ้าตัวคิดว่าแข็งแรง
พลัน-
“อ๊ะ....”
แย่แล้ว
เพราะมัวแต่พะวงกับการหาทางลงจนก้าวพลาด เด็กหนุ่มในชุดมัธยมปลายกำลังร่วงลงมาจากต้นไม้ กอดลูกแมวในอกแน่นพลางหลับตาปี๋ รอรับความเจ็บปวด
อย่างน้อยก็ขอให้ลูกแมวตัวนี้ไม่เป็นอะไร
ก่อนจะสวบ เสียงใบไม้ดังเมื่อร่างของคนตัวโปร่งตกผ่าน ทาเคชิพ่นลมหายใจ เพราะมีพุ่มไม้หนาเรียงยาวอยู่บริเวณติดทางเดินด้านล่างช่วยรองรับตอนร่วง เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย
ดูเหมือนตัวเขาจะพอมีโชคเหลืออยู่บ้างละนะ
“อือ... เจ็บชะมัด"
ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เด็กหนุ่มครางอือ มือลูบก้นที่กระแทกกับพื้นป้อย ๆ
"เธอไม่เป็นอะไรนะ เจ้าเหมียว? "
คนผมดำถามไถ่ สายตาสํารวจหาร่องรอยบาดเจ็บของลูกแมวตัวเล็ก ก่อนเสียงเล็ก ๆ จะดังร้อง ราวกับกําลังขอบคุณเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ด้วยความยินดีครับ"
ตอบรับคําขอบคุณที่ตนได้ยิน ทาเคชิยิ้มจนตาปิด ก่อนจะปล่อยลูกแมวก็กระโดดออกจากอ้อมกอดของเขาไป ดวงตาหยาดน้ำค้างคู่สวยมองตามไปจนพ้นกรอบสายตา- คนตัวโปร่งกระโดดลงมาจากพุ่มไม้ ก่อนจะปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง
“อ๊ะ”
ล้มลงนั่งกับพื้นอีกครั้ง อะไรบางอย่างทีว่านั่นก็เช่นกัน
หยาดน้ำค้างคู่สวยเงยมองไปด้วยความตั้งใจจะกล่าวขอโทษ ก่อนจะชะงักกึก
ร่างเล็กเพรียวในชุดเครื่องแบบหญิง ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน มือจัดทรงเรือนผมยาวสีน้ำตาลราวกับฤดูใบไม้ร่วงกับกระโปร่งให้เรียบร้อย หน้าอ่อนละมุนเรียวเล็กที่เหมือนจะขมวดคิ้วหน่อยๆ ไม่ว่าจะมองมุมไหนความดูดีของเธอก็ไม่ลดลงเลยสักนิด
ผมต้องชะงักเมื่อสบเข้านัยน์ตาสีเขียวขจีใสราวกับฤดูใบไม้ผลิ ปากตั้งใจจะเอ่ยค่าขอโทษกลับนิ่งงัน ราวกับโดนอัญมณีสวยคู่นั้นแช่แข็งไปเสียแล้ว
อีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาเชิงหงุดหงิดนิดหน่อย คนตัวโปร่งคิดเอาเองว่าคงจะโกรธที่โดนชนเป็นแน่
รู้ตัวดีว่าตัวเองต้องเอ่ยขอโทษที่ชนอีกฝ่ายจนล้ม พยายามควานหาคำพูดในลำคอเหมือนควานหาของในกระเป๋า แต่กลับไม่เจอเสียงหรือถ้อยคำใด ๆ ที่จะเปล่งออกมา
ให้ตายสิทาเคชิ ไปชนใครไม่ชน
ดันมาชนกับมาซากิ ฮารุโกะ เนี่ยนะ
สารภาพตามตรงว่าทาเคชิน่ะไม่กล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย สําหรับเขาแล้ว มาซากิ ฮารุโกะ เธอคือคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แม้จะเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมา 2 ปี ถ้าไม่โดนบังคับหรือเหลือเศษเวลาทำงานกลุ่ม ทาเคชิก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอสักเท่าไหร่
ไม่กล้าชวนคุยด้วยแท้ ๆ แต่นี่เริ่มวันมาก็ชนเธอเข้า
ที่ว่ายังพอมีโชคนั้นน่ะ ดูเหมือนจะไม่มีซะแล้วละ
“เอ่อ...”
แต่ไม่ว่ายังไง ก็ต้องขอโทษที่ชนไปเมื่อกี้
“อ..อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมาซากิ"
“เมื่อกี้...ขอโทษนะ”
ทาเคชิเอ่ยสั้น ๆ พยายามเก็บสีหน้าที่เริ่มแดงกับเหมือนจะร้องไห้ของตัวเองพลางกลืนน้ำลายดังเอื้อก ดวงตาสีสวยยังจ้องมาที่เขาแบบไม่กะพริบ
ก่อนอีกฝ่ายจะเริ่มพูดขึ้นบ้าง
“นาย จะนั่งอยู่แบบนั้นอีกนานไหม”
“คือนายกําลังขวางทางเดินอยู่นะ คุโระคุง"
เสียงนิ่ง ๆ จากบุคคลตรงหน้าทําเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง รู้สาเหตุที่โดนอีกคนมองไม่วางตา ยิ่งรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อมมากขึ้นไปอีก พวกเขาเริ่มกลายเป็นเป้าสายตาของนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ทาเคชิก้มหน้างุด ความรู้สึกอับอายที่เกิดจากความซื่อบื้อของตัวเอง พานอยากเอาหน้ามุดดิน คนตัวโปร่งลุกขึ้นพรวด เปล่งเสียงเอ่ยคำขอโทษก่อนจะเดินไว ๆ ออกมา
ไม่ได้มองใบหน้าเล็กนั่นว่าเปลี่ยนไปอย่างไร เขารู้แค่ว่าอยากจะรีบออกไปที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด
ยกมือลูบหน้าตัวเอง เป็นคนที่ไม่อยากเผชิญด้วยแท้ๆ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ยิ่งรู้สึกอับอายจนอยากเอาหน้ามุดดิน
"เฮ้อ เผลอทำเรื่องน่าอายจนได้"
เด็กหนุ่มพึมพำ
เป็นคนที่มีอิทธิพลกับเขามากจริง ๆ นั่นละ มาซากิ ฮารุโกะ
เดินคิดอะไรไปเรื่อยรู้ตัวอีกทีสองขาก็เดินมาถึงปลายทางแล้ว
หยาดน้ำค้างคู่สวยมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจก เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจาง ๆ เพราะเรื่องราวเมื่อครู่ที่แสนหน้าอาย ถอนหายใจเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอีกรอบก่อนจะเอื้อมเปิดประตูที่มีป้าย 3-A แขวนอยู่ด้านบน
ก้าวเท้าเข้าไปในห้องแล้วก็มุ่งหน้าไปยังโต๊ะของตัวเอง
“อรุณสวัสดิ์! ทาเคชิคุง”
เสียงใส ๆ เอ่ยทักทาย เมื่อหันไปก็พบว่าเป็น เพื่อนสาวคนสนิทอย่าง 'คานาเอะ ริโกะ' เด็กสาวผมสั้นเองก็พึ่งมาถึงเช่นกัน
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคานาเอะ"
ทาเคชิทักทายกลับพลางแขวนกระเป๋าไว้ข้างโต๊ะเรียน หย่อนตัวลงนั่ง
“นี่ ๆ เมื่อกี้ฉันเห็นเธอคุยกับมาซากิจังด้วย มีอะไรกันเหรอ? "
เด็กสาวถามพลางลากเก้าอี้มานั่งหน้าโต๊ะของคนผมดำ ทาเคชิยิ้มแหย ๆ เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่กล้าเข้าใกล้ ... ตอนนี้แค่ลองนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ความอับอายก็เกิดขึ้นอีกแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ"
ตอบเสียงอ่อย ได้ยินคำตอบของเด็กผมดำ ริโกะก็มุ่นคิ้วอย่างสงสัย จ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มหมายจะคาดคั่นคำตอบ
“แค่นั้นเองเหรอ ตอนนั้นหน้าเธอแดงมากเลยละ นึกว่าจะเป็นลมซะอีก"
“ฉันกำลังจะเข้าไปเลย แต่ทาเคชิคุงก็รีบวิ่งไปซะก่อน..."
“กำลังคิดเลยละว่าถ้าเธอทำให้ทาเคชิคุงเป็นลม จะให้มารับผิดชอบทาเคชิคุงที่ชอบมาซากิจังจนเป็นลม"
เด็กสาวเอ่ยเล่าพลางกระพริบตาข้างนึงให้เขา ส่วนทาเคชิทำหน้าตื่น
“อ..อย่านะครับ! แล้วก็หยุดแกล้งผมสักที!"
สายมือระรัวอย่างคนเลิกลั่ก คุณคานาเอะน่ะชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยยิ่งรู้ว่าผมชอบมาซากิจัง ก็หาเรื่องให้ต้องแกล้งผมทุกที ไม่น่าไปเล่าให้ฟังเลย ตอนที่รู้เรื่องถ้าผมไม่ห้ามไว้ มีหวังโดนลากให้ไปสารภาพแน่ๆ
ผมน่ะ แค่เข้าใกล้หัวใจก็จะวายอยู่แล้ว....
“ว่าแต่ ทาเคชิคุงทำไมสภาพนายถึงเป็นแบบนี้หล่ะ”
ริโกะทักเมื่อมองทาเคชิดีๆ สภาพที่เหมือนลงไปคลุกดินมาของเพื่อนสนิท ทาเคชิกระพริบตาปริบ พอโดนทัก เด็กหนุ่มก็ก้มหน้าลงสํารวจร่างกายตัวเองบ้าง เสื้อผ้าที่ยับยู่ แขนแล้วก็- ใบหน้าที่มีรอยขีดข่วนของกิ่งไม้ ผมทีปกติเรียบตรงแต่ตอนนี้กลับยุ่งเหยิง
อา คงจะเป็นตอนที่ตกลงมาบนพุ่มไม้สินะ
“อะ มีใบไม้อยู่บนหัวนายด้วย”
“เดี๋ยวฉันหยิบออกให้ อยู่นิ่ง ๆ นะ"
ยังไม่ทันที่ทาเคชิจะเอ่ยอะไรตอบรับ ริโกะก็เอื้อมมือมาหยิบเศษใบไม้ออกจากผมสีดำของเขา
"แล้วไปทําอะไรมาถึงได้เยินขนาดนี้"
“คือ..ผมไปช่วยลูกแมวที่ติดอยู่บนต้นไม้แล้วพลัดตกลงมาน่ะ"
เด็กหนุ่มเล่าพร้อมหัวเราะแห้ง ๆ พอบอกไปแบบนั้นก็โดนริโกะหรี่ตา เด็กสาวไม่พูดอะไรเพียงแต่เอื้อมมือมากอดอก ทาเคชิรู้ทันทีว่ากําลังจะถูกบ่นเป็นแน่
“แต่ไม่เป็นอะไรเลยนะครับ! ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร"
แต่เรื่องอะไรจะยอมถูกบ่นกัน คนผมดำรีบชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงสดใส โบกมือไปมาพลางปั้นรอยยิ้มกว้างหวังจะให้ความกังวลของเพื่อนสนิทลดลงบ้าง แม้อีกฝ่ายจะยังอยากจะบ่นเขาให้หูชา
"จ..จริง ๆ นะ นี่ไง เห็นมั้ย ผมสบาย"
“รองหัวหน้า อาจารย์ฝากมาเรียกให้ไปช่วย เตรียมของสําหรับคาบแรกน่ะ"
ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะคําเนินต่อ เพื่อนร่วมห้องอีกคนก็เข้ามาขัดเสียก่อน ทาเคชิกระพริบตาปริบก่อน ร้อง 'อ้ะ' ออกมาเบา ๆ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นตัวเองที่โดนเรียก รองหัวหน้า— อา ก็เป็นหน้าที่ที่เขาได้รับในห้องเรียนแห่งนี้ละนะ
"ครับ กำลังไปครับ"
"เดียวผมมานะครับ คุณคานาเอะ"
เสียงทุ่มนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะรีบเดินไว ๆ ออกไป
"งั้นไว้เจอกันนะ ทาเคชิคุง"
"ไว้เจอกันครับ”
ถ้อยคำบอกลาดังขึ้นพร้อมดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า พอเห็นว่าเพื่อนสาวเดินไปไกลจนลับตา เด็กหนุ่มก็พาร่างของตัวเองขึ้นมาบนชั้นสองของอพาร์ทเมนต์ที่เขาอยู่
แสงสีสดของอาทิตย์ยามเย็นอาบย้อมทั้งบริเวณให้กลายเป็นสีส้ม รวมถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ออกไปทางน่ารักหน่อยๆ ทาเคชิยืนมองอาทิตย์อัสดงผ่านหน้าต่างด้วยแววตาเฉย ๆ นัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายทอแสง เอื้อมมือจับลูกบิดประตูห้อง
สองเท้าก้าวเข้ามาในบริเวณพื้นที่ส่วนตัว ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาจากสักที่ในอพาร์ทเมนต์ คุณตาผู้เป็นผู้ปกครองบอกให้เขารีบเข้าไปในห้องก่อนพระอาทิตย์จะตก
“เหนื่อยชะมัดเลยวันนี้"
เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองเสียงแผ่ว มือปิดประตูห้องเบา ๆ ไม่ลืมที่จะกดล็อกที่ลูกบิด วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม
ยามหลังพระอาทิตย์ตกดินเป็นช่วงเวลาที่เขาเบื่อหน่ายที่สุด
“จะถึงเวลาแล้ว "
ว่านํ้าเสียงทอดเอื่อยแล้วปิดเปลือกตาลงเบา ๆ ยกมือมาก่ายหน้าผาก คิดกับตัวเองว่าหลับไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่า
'ปิ๊บบบ-'
ประจวบเมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปทีเลยหก ดวงอาทิตย์ลับไปจากขอบฟ้าพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนเวลาพระอาทิตย์ตกที่ดังขึ้นจากมือถือ ยังไม่ทันที่จะเข้าสู่ห้วงนิทรา ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยน—
คุโระ ทาเคชิ มีความลับที่บอกใครไม่ได้อยู่อย่างนึง
ทุกวันเมื่อเวลาที่แสงอาทิตย์สิ้นไปจากท้องฟ้าแล้ว เขาจะกลายเป็นแมว
หรือก็คือมนุษย์หายาก ครึ่งคนครึ่งสัตว์ หรือ อมนุษย์ ในตอนนี้เขายังโตไม่เต็มทีจึงทำให้เขาไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนร่างของตัวเองได้ มันจึงมีเวลากำหนดว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นอีกร่างตอนไหน
ดวงตากลมสีหยาดน้ำค้างก้มมองร่างกายตัวเอง ขนยาวสีดำสนิท ถ้าเทียบตามอายุของแมวละก็ ตัวเขาในวัยใกล้ 18 ก็มีอายุราว ๆ ปีกว่าของลูกแมวเองละนะ
ทาเคชิในร่างเจ้าเหมียวดำขนยาว นอนกลิ้งไปมาบนเตียงของตัวเอง ยกอุ้งเท้าและขาขึ้นมาดู แม้ภายนอกเขาจะดูน่ารักในสายตาของมนุษย์ แต่พอรู้ว่าเขาเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ ถ้าไม่ไปจับเขาไปทำการทดลอง ก็คงจะรังเกียจเขาแน่ๆ
คนที่ล่วงรู้ก็มีแค่ครอบครัวในตระกูล แล้วก็— คุณตาผู้เป็นญาติห่าง ๆ จากทางแม่ที่คอยเลี้ยงดูเขาตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี้
น่าเบื่อ...
ราว ๆ 8 ชั่วโมง ต้องใช้ชีวิตในร่างแมวเหมียว นับถอยหลังเฝ้ารอเวลาจนถึงเที่ยงคืน จึงจะกลับกลายเป็นคุโระ ทาเคชิอีกครั้ง
เท่าที่จำได้ เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนอายุ 5 ขวบ จากนั้นทุกสิ่งอย่างรอบตัวก็แปรเปลี่ยนไป
อะไรที่เคยดีก็ผันเป็นแย่ อะไรทีเคยแย่ก็แย่ลงไปกว่าเดิม
สองปีได้อยู่กับพ่อและแม่ ตัวเขาในวัยเด็กน้อย ทนทุกข์ทรมานกับการถูกตราหน้าเป็นตัวประหลาด ก่อนที่จะย้าย— หนีมาอยู่โตเกียวกับคุณตาเมื่ออายุ 7 ปี นับตั้งแต่ตอนนั้น ทาเคชิก็ไม่เคยกลับไปเหยียบบ้านเกิดเลยสักครั้ง
บทเรียนเมื่อเยาว์วัยสอนให้ได้รู้ว่ามนุษย์นั้น
ถ้าไม่เกลียดความแตกต่าง ก็หาผลประโยชน์เข้าหาตัว
ทาเคชิก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้
เด็กหนุ่มผมดำที่ตอนนี้เป็นเจ้าก้อนขนถอนหายใจออกมา แต่เพราะตอนนี้เป็นแมวอยู่เลยกลายเป็นส่งเสียงเมี้ยวออกมาแทนซะอย่างนั้น
ตอนนี้คงทําอะไรไม่ได้นอกจากนอนหลับรอเวลาที่คืนร่าง
คิดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะปิดเปลือกตาลง เบา ๆ หมายจะเข้าสู่ห้วงนิทรา และเฝ้ารอให้เวลาไหลผ่านเลยเที่ยงคืน
ให้ตายสิ เอาอีกแล้ว
“เจ้าเหมียว...”
ทาเคชิเงยหน้ามองต้นไม้สูงต้นเดิมระหว่างทางไปโรงเรียน เด็กหนุ่มยิ้มแหย่กับภาพตรงหน้าที่เห็น
นี่จะมีแมวมาติดบนต้นไม้ทุกเช้าเลยหรือไงนะ
แมวน้อยส่งเสียงร้องระงม ท่าทางน่าสงสาร ดวงตาสั่นระริกของเจ้าเหมียวชวนเขาให้ย้อนคิดถึงคืนวันในวัยเด็ก ที่เคยติดอยู่บนต้นไม้สูงยามกลายเป็นแมว
เห็นแบบนี้แล้วคงทําใจยากที่จะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะช่วยเธอลงมาเองนะ"
พูดพร้อมวางกระเป๋าลงกับพื้น เตรียมตัวจะขึ้นไป ช่วยเจ้าขนฟูตัวปัญหาลงมา แต่กลับโดนร้องขัดขึ้นมาเสียก่อน ทาเคชิเอียงคอ นั่งฟังเสียงที่เหมือนกับคําลังสื่อสารกับตัวเอง
“เอ๊ะ.... ไม่ต้องเหรอครับ"
ว่าแบบงุนงงพร้อมเอียงคอน้อย ๆ ทาเคชิสามารถสื่อสารกับแมวได้ ก็คงเพราะเขาเป็นครึ่งครึ่งสัตว์มั้ง เลยได้สกิลติดตัวเป็นเข้าใจภาษาแมวมาอะไรทำนองนั้น
เสียงเมี้ยวยังคงดังระงม เจ้าเหมียวก็คงรู้ว่าเขาเข้าใจ มันพยายามจะบอก
“แค่อยู่นิ่ง ๆ ก็พองั้นเหรอ? "
แม้จะยังสงสัย แต่ทาเคชิทําตามที่เจ้าเหมียวบนต้นไม้บอกอย่างว่าง่าย ดวงตาสีมรกตกะพริบปริบด้วย ความฉงน-ก่อนบางอย่างจะตกลงใส่หน้า
“ห..เหวอ!"
ด้วยความตกใจประกอบกับนํ้าหนักของเจ้าเหมียวที่กระโดดลงมาบนหน้าเขา เด็กหนุ่มผมดำเสียหลักการทรงตัว ลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น
ลูบกันตัวเองป้อย ๆ พร้อมมองตามแมวเหมียว เจ้ากรรมที่วิ่งไปอย่างไว
“ไปซะแล้ว. ”
“ไม่ขอบคุณกันซักคำเลยแฮะ"
“ลูกแมวนิสัยเสีย"
บ่นงุบงิบก่อนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน มือปัดเศษดินทีติดอยู่ตามเนื้อตัวและเสื้อผ้า ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับบุคคลที่คุ้นเคย....
แถมยังเป็นคนที่ไม่อยากจะเจอที่สุด
มาซากิ ฮารุโกะ ท่าในช่วงนี้ผมกับเธอถึงโคจรมาเจอกันบ่อยจังนะ
แค่เจอกันหน้าผมก็เริ่มแดงอีกแล้ว แถมเธอยังจ้องผมตาไม่กระพริบ ให้ตายสิ เรืองเมื่อวานวนกลับมาในหัวอีกแล้ว แต่ช่วยอย่าจ้องกันแบบนี้ได้ไหมครับ หัวใจผมมันจะวาย
“เอ่อ...อรุณสวัสดีครับ คุณมาซากิ"
ทาเคชิเอ่ยทักทาย แต่เธอยังจ้องเขาไม่กระพริบจนเขาต้องหลบสายตาไปทางอื่น รู้สึกเกร็งจนนํ้าลายเหนียวขึ้นมาซะงั้น
"..."
"..."
เงียบสนิท— พวกเขายืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น รวมนาทีได้
รอยยิ้มยังค้างอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มทว่าในใจกลับ กรีดร้องโหยหวน
คุณมาซากิ ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ อย่ามายืนจ้องหน้ากันแบบนี้สิครับ!
“คุโระคุง นาย—"
“ อ้ะ! ผมขวางทางเดินเธอสินะ"
หญิงสาวเรือนผมน้ำตาลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่พอจังหวะจะพูดก็ดันพูดขึ้นมาพร้อมกัน ทาเคชิสะดุ้งโหยง พยายามบอกตัวเองว่าอย่าทำตัวซื่อบื้อเหมือนกับเมื่อวาน
เพราะงั้นรีบตัดหน้าก่อนเลยดีกว่า
“ขอโทษนะคุณมาซากิ เรื่องเมือวานด้วย จะไม่ขวางแล้วละ ขอโทษจริง ๆ "
ประกบมือสองข้างเข้าหากันพร้อมก้มหน้าเอ่ยคำขอโทษเลยไม่ได้เห็นสีหน้าเหวอของหญิงสาวตรงหน้า
“งั้นผมไปนะ”
ว่าจบก็รีบสาวเท้าออกมาจากตรงนั้น ทิ้งหญิงสาวตัวเล็กเอาไว้ด้านหลัง
มือกระชับกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล ในหัวเล่นย้อนสถานการณ์เมื่อสักครู่
เมื่อกี้...จะพูดอะไรหรือเปล่านะ? เหมือนเผลอไปพูดขัดเธอเลย
สองเท้ากําลังเดิมหยุดชะงัก หันหน้ามองกลับไปทางด้านหลังที่ตนจากมา พอเห็นหญิงสาวเรือนผมน้ำตาลกำลังเดินมาทางเดียวกันก็สะดุ้งเฮือก แล้วรีบเดินต่อ
ช่างมันเถอะ—
เธอคงไม่มีอะไรจะพูดกับผมหรอก
ตลอดเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ ผมไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที
เธอเองก็คงไม่ได้สนใจผมหรอก
เพราะงั้นก็ —ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคานาเอะ”
เอ่ยทักทายเพื่อนสาวคนสนิทของตนเองแล้ว แขวนกระเป๋าไว้กับโต๊ะเรียน เจ้าของชื่อหันมาทักทายกลับอย่างร่าเริง
"อรุณสวัสดิ์ ทาเคชิคุง- หน้าเธอไปโดนอะไรมาน่ะ?!"
ก่อนจะโดนถามด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ มือของหญิงสาวชี้แก้มฝั่งซ้ายของตัวเองประกอบคำถาม ทาเคชิยกมือขึ้นจับแก้มตามที่อีกคนบอก ก่อนจะพบว่ามันมีรอยแผลปรากฏอยู่
คงเป็นตอนที่โดนเจ้าเหมียวนั่นกระโดดใส่หน้าแน่นอนเลย
"อ๊ะ อ่อ... คงจะโดนแมวข่วนน่ะครับ"
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ! แค่แมวข่วนเอง”
พัลวันตอบพร้อมเผยรอยยิ้มกว้าง ริโกะมองเพื่อนสนิทของตัวเองด้วยสายตาที่หรี่จับผิด
“เมื่อวานก็ตกต้นไม้ วันนี้ก็โดนแมวข่วน"
“นี้นายใช้ชีวิตแบบไหนเนี่ย... อ๊ะ จริงสิ รอแป๊บนึงนะ"
เด็กสาวบบ่นอุบด้วยนํ้าเสียงเป็นห่วงเป็นใยก่อน จะขะมักเขม้นหาบางอย่างในกระเป๋า
“ปลาสเตอร์ยาจ้ะ"
แล้วก็ยัดปลาสเตอร์ยาสีน่ารักมาให้ ทาเคชิรับมันมา เอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาหยาดน้ำค้างพินิจ แผ่นปลาสเตอร์ลายเจ้าเหมียวในมือ
“ขอบคุณนะครับ อ้ะ คุณคานาเอะพกปลาสเตอร์ยาลายน้องแมวเหรอครับ น่ารักจังเลย"
“หือ เจ้านี่เหรอ ไม่ใช่ของฉันหรอก"
ริโกะปฏิเสธพร้อมโบกมือไปมา เด็กหนุ่มผมดำกะพริบตาปริบอย่างงุนงง
"เอ๋?"
“ของมาซากิจังเค้าน่ะ จู่ ๆ ก็เดินมายืนปลาสเตอร์ยาให้แล้วบอกว่าฝากเอาให้นายทีน่ะ"
“ห่า ฝากไว้ให้ผม? คุณมาซากิคนนั้นน่ะเหรอ? "
อ้าปากค้างพร้อมทวนคำถาม เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก
“อืม มาซากิจังคนนั้นนั่นแหละ”
คําพูดที่ได้ยินเพิ่มความฉงนให้เด็กหนุ่มไม่น้อย ดวงตาหยาดน้ำค้างหันหลังไปมองหญิงสาวเจ้าของชื่อ เจ้าของโต๊ะคงรู้ตัวว่าโดนมองจึงมองกลับมา ดวงตาเขียวขจีใสมองนิ่งๆ เหมือนอย่างเคย ทาเคชิรีบหันหน้ากลับมาพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดง
คุณมาซากิคนนั้นฝากปลาสเตอร์ยาให้ผมเนี่ยนะ
ไม่เข้าใจเลย
"อ๊ะ เดี๋ยวฉันแปะให้นะ"
“ข..ขอบคุณครับ”
ริโกะหยิบปลาสเตอร์ยาลายน่ารักไปจากมือของเด็กหนุ่ม ทาเคชิยืนนิ่งให้เด็กสาวตัวเล็กกว่าทําแผลให้
“นี่ ๆ แล้วมาซากิรู้ได้ยังไงล่ะว่านายจะต้องใช้ปลาสเตอร์ยาวันนี้"
“หรือว่าจะเจอกันตอนเช้าอีกแล้ว?!
คําถามเสียงดังเจื้อยแจ้ว แต่ทาเคชิยังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง มือยกขึ้นมาจับปลาสเตอร์ยาที่แปะอยู่บริเวณแก้มขวา
หรือเธอจะเห็นว่าเป็นแผลตอนนั้นกันนะ
ในห้วนึกย้อนถึงเมื่อครู่ที่เจอกันระหว่างทางมาโรงเรียน ดวงตาสีสวยที่มองมามันทำให้เขาหน้าแดงก็จริง แต่สายตาเธอมีแต่ความนิ่งเฉย
เด็กหนุ่มลูบปลาสเตอร์ยาลายน้องเหมียวเบา ๆ พร้อมความสงสัยที่มีเต็มในใจ
“ทาเคชิคุง พวกเรากลับก่อนนะ"
“ไว้เจอกัน”
ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมห้องตะโกนบอกลาท่ามกลางเสียงฝนที่ดังสนั่น ทาเคชิละสายตาจากล็อกเกอร์ของตัวเอง หันไปตามทิศทางของต้นเสียงก่อนเอ่ยบอกลากลับ พร้อมยิ้มน้อย ๆ
“ครับ ไว้เจอกันนะ"
เพื่อนร่วมห้องเดินจากไปแล้ว คนผมดำยังกุกกักอยู่กับตู้เก็บของของตัวเองก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นตัวเลขบอกเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์
“แย่ล่ะ เย็นปานนี้แล้วเหรอ”
“คงต้องรีบกลับแล้ว..."
เด็กหนุ่มลุกลี้ลุกลนเก็บของ โรงเรียนในยามนี้มีเพียงเสียงกุกกักจากเขากับเสียงหยาดฝน เพราะทาเคชิไม่ได้เข้าชมรมใด จึงโดนขอให้ไปช่วยกิจกรรมชมรมของเพื่อนร่วมห้อง ส่วนเพื่อนสนิทอย่างริโกะนั้น กลับไปก่อนแล้วแถมนี่ก็เย็นมาก โรงเรียนที่เคยจอแจจึงเหลือเขาคนเดียว
ฝนหน้าร้อนตกกระทบพื้นเสียงดังสนัน มือควานหาร่มพับคันเล็กที่คิดว่าใส่มาแล้วในกระเป๋า
“เอ๊ะ?"
“ร่มล่ะ? ”
แต่ความมีอหาจนทั่วก็ยังไม่เจอ
ถอนหายใจออกมาเบา ๆ หันมองสายฝนที่ตกลงมาไม่หยุดหย่อน
“ลืมเอามาเหรอเนี่ย..."
“ให้ตายสิ ก็ดูพยากรณ์อากาศแล้วแท้ๆ"
บ่นอุบอิบพลางเงยหน้ามองหาฝน ถ้าให้รอจนฝนหยุดตกล่ะก็คงไม่ทันเวลาพระอาทิตย์ตกดินแน่ ๆ และเขาเองก็ไม่อยากจะกลายเป็นแมวในที่สาธารณะเสียด้วย
ดังนั้นก็เหลือแค่ทางเลือกเดียวคือต้องวิ่งฝ่าฝนไป!
“เปียกชกทั้งตัวก็ดีกว่ามากลายเป็นแมวในที่สาธารณะล่ะนะ..."
พูดปลอบใจตัวเองเบา ๆ ก่อนมือจะกระชับกระเป๋าสะพายสองข้างแน่น
เอาละ! เปียกก็เปียก
สองขาวิ่งฝ่าสายฝนไปไว ๆ ความรู้สึกเปียกที่เสื้อกับผมทําให้รู้สิกหนาวขึ้นมาหน่อย ๆ แต่ทาเคชิหาหวั่นไหวไม่ ตอนนี้สิ่งสําคัญที่สุดคือต้องกลับถึงอพาร์ทเมนต์ ก่อนพระอาทิตย์ตกดินไม่งั้นละก็...
ภาพตัวเขากลายเป็นแมวท่ามกลางผู้คนมากมาย ในที่สาธารณะดวงตานับสิบนับร้อยคู่ที่จ้องมาลอยเข้ามาในหัว ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นตัวเขาจะเป็นยังไงกันนะ?
คงจะถูกจับไปทดลองหรือไม่ก็ถูกเอาไปแสดงตามโชว์มายากล แล้วยิ่งถ้ามีคนรู้จักมาเห็นด้วยละก็ มิวายโดนตราหน้าว่าเป็นตัวประหลาดอีกแห่ง ข่าวแพร่สะพัดไปทั่ว แค่คิดก็ไม่เอาแล้ว!
สะบัดไล่ความคิดสุดพรั่นพรึงออกไปจากหัว พร่ำบอกตัวเองให้เลิกคิดอะไรฟุ้งซ่านแล้วรีบสาวเท้าวิ่ง
จนมาหยุดยืนหอบหลบฝนอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ อีกไม่นานก็คงถึงอพาร์ทเมนต์ของเขาแล้ว แม้ใจจะอยากวิ่งต่อให้สุดทางแต่ร่างกายก็ร่ำร้องว่าไม่ไหวแล้ว
คงเพราะวิ่งติดกันมานาน ขาทั้งสองข้างเริ่มล้าจนวิ่งไม่ออก ผมสีดำลู่ลง เสื้อเชิ้ตสีขาวเองก็เปียกชก ยังพักไม่ทันจะหายเหน่อย เสียงนาฬิกาในมือถือที่ตั้งไว้เตือนเมื่อถึงเวลานั้นก็ร้องดัง
ไม่นะ ไม่ทันเหรอเนี่ย?!
'ปั๊บบ- '
เสียงแจ้งเตือนเวลาพระอาทิตย์ตกดินย้ำความจริงที่ว่าเขาไม่ทันแล้ว! ทาเคชิลุกลี้ลุกลน ถ้าต้องกลายร่างในที่สาธารณะ อย่างน้อยก็ต้องเป็นที่ที่ไม่มีใครเห็น ดวงตาหยาดน้ำค้างกวาดหามุมอับคนที่เขาพอจะกลายร่างและหลบฝนได้จนเวลาผ่านเที่ยงคืน ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับตรอกแคบ ๆ ไม่ไกลจากตรงที่เขาอยู่ สองขาออกวิ่งจนสุดชีวิต
ยังไงก็กลายร่างต่อหน้าคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด!
หยุดหอบน้อย ๆ ที่ตรอกแคบเป้าหมาย ก่อนทีร่างกายเขาจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นเจ้าเหมียวขนยาวสีดำสนิท ดวงตาหยาดน้ำค้างกวาดไปรอบ ๆ ท่าทางของผู้คนบริเวณนั้นดูปกติดี ทาเคชิในร่างแมวถอนหายใจอย่างโล่งอก
คงไม่มีใครเห็นตอนเขากลายร่างสินะ—
กระเป๋าสะพายสีน้ำตาลตกอยู่กับพื้น เจ้าเหมียวตัวน้อยพยายามลากมันให้มาอยู่ในชายหลังคาของบ้าน ที่ติดอยู่กับตรอกก่อนจะกระโดดขึ้นมานั่งบนกระเป๋าของตัวเอง
ตั้งใจจะอยู่ตรงนี้เงียบ ๆ รอจนเวลาเลยผ่านเที่ยงคืนไป เขากลายร่างเป็นมนุษย์แล้วก็กลับบ้านน่าจะโดนคุณตาดุนิดหน่อยแต่ก็คงไม่เป็นอะไร เจ้าเหมียวขนดำยาว ร้องออกมาอย่างพึงใจกับแผนง่าย ๆ ของตัวเอง
ก่อนแผนง่าย ๆ ที่ว่าจะพังไม่เป็นท่าในเวลาไม่ถึงนาที
“อะ—แมว..”
นํ้าเสียงนิ่งบวกกับที่เขาเคยได้ยินมาก่อนดังสะท้อนในโสตประสาท เสียงเรียบที่กำลังจะพังแผนเขาซะยับเยิน! ทาเคชิในร่างแมวน้อยขนฟูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนยกตัวขึ้นมา—
ด-โดนยกตัวขึ้นมา
แถมคนยกทีว่ายังเป็นคนที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วยที่สุดอีก!
มาซากิ ฮารุโกะ!
“โดนทิ้งเหรอเจ้าเหมียว.."
หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลพูดกับเจ้าแมวเบา ๆ ทาเคชิอยากจะยกขาหน้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก
มาซากิ ฮารุโกะ ทําไมช่วงนี้ผมกับเธอถึงโคจรมาเจอกันบ่อยจังนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น